วงดนตรีถังเหล็ก 铁皮桶乐队

ชนบทเล็กๆแห่งหนึ่ง มีถังเหล็กพักอยู่รวมกัน บ้างก็สูง บ้างก็เตี้ย บ้างก็อ้วนบ้างก็ผอม เสียงพูดของพวกเขา ดังกังวาน
ถังเหล็กใบไหนอ้วนและใหญ่ ตีพุงอ้วนๆนั้น ก็จะร้องเสียงดัง “โป้ง ๆ ๆ ” ข้าเป็นพี่ใหญ่ พวกเจ้าต้องฟังข้า
ถังเหล็กตัวสูง ทั้งสูงทั้งเรียว ตีท้องผอมๆ ร้องเสียงดัง “ตงๆ ๆ ” ตัวฉันสูงเพรียว พวกเจ้าต้องฟังข้านะ
เจ้าถังเหล็กตัวน้อย ทั้งเล็กทั้งเตี้ย โผล่หน้ามา ร้องว่า “ติ๊งๆ ๆ” หนูเป็นน้องเล็ก พวกพี่ต้องฟังหนูนะ
ถังเหล็กสามพี่น้องตะโกนเสียงดังทั้งวันทั้งคืน ไม่มีใครฟังใคร “โป้งๆ ๆ ตงๆ ๆ ติ๊งๆ ๆ ” ถังเหล็กทั้งหลายต่างคนต่างร้องเสียงดังแข่งกัน เสียงเอะอะน่าหนวกหู
ด๊อกเตอร์จิงโจ้ที่อยู่ใกล้ๆ ก็หนวกหูจนโรคหัวใจกำเริบ คุณนายจิ้งจอกก็หนวกหูจนนอนไม่หลับ ลูกของคุณหมีขาวก็หนวกหูจนร้องไห้โยเย ชาวบ้านทั้งหลายก็ปรึกษากันว่า จะพากันย้ายไปอยู่ที่อื่น
อยู่มาวันหนึ่ง พวกถังเหล็กตะโกนจนเหนื่อยถึงหุบปากเงียบเสียงลงได้ จึงรู้สึกว่าบริเวณรอบๆ เงียบสงัด เกิดอะไรขึ้นเหรอ ด้วยความสงสัย พากันวิ่งออกมาดูข้างนอก
เพื่อนๆ พากันย้ายออกไปหมดแล้ว หมู่บ้านทั้งหมู่บ้านช่างเงียบเหงาเหลือเกิน “เอ๊ะ เกิดอะไรขึ้นเนี่ย” บรรดาถังเหล็กมองหน้ากันด้วยความงุนงง
ถังพี่ใหญ่ร้องขึ้นมาว่า “เป็นเพราะพวกเราไม่ดีเอง วันๆ เอาแต่ร้องเอะอะโวยวาย รบกวนเพื่อนบ้าน จนไม่ได้พักผ่อน นอนหลับ”
“ใช่จริงๆด้วย” เหล่าถังเหล็กรู้สึกเสียใจมาก
“เรามาคิดหาวิธีให้เพื่อนๆ กลับมากันดีกว่า” ถังพี่ใหญ่ออกความคิด
“พวกเรามาตั้งวงดนตรีกัน เล่นดนตรีให้เพื่อนๆฟัง เยี่ยมไปเลยล่ะ” ถังน้องเล็กเจื้อยแจ้วออกความเห็น
“เป็นความคิดที่ดี” พี่น้องถังเหล็กพากันหัวเราะชอบใจอย่างมีความสุข
เหล่าถังเหล็กมายืนเรียงแถวกันตามลำดับสูง เตี้ย อ้วนผอม พี่ถังใหญ่ เป็นผู้อำนวยเพลง ฝึกซ้อมกันด้วยความตั้งอกตั้งใจ
หลายวันต่อมา เหล่าถังพี่น้อง มารวมตัวกันที่สนามหมู่บ้าน เปิดการแสดงอย่างเป็นทางการ
“ * * * ติ๊งๆตง ติ๊งๆ ตง โป้งๆ ๆ ตงๆ ๆ * * * ” เสียงเพลงไพเราะชื่นใจ ดังแว่วไปไกล เพื่อนๆพากันมาชมดนตรี หมู่บ้านที่เคยเงียบเชียบ กลับมีชีวิตชีวาขึ้นมาอีกครั้ง
เพื่อเป็นการขอบคุณการแสดงดนตรีของบรรดาถังเหล็ก ท่านด๊อกเตอร์จิงโจ้ก็หิ้วถังสีมาหนึ่งถัง ทาสีเปลี่ยนเสื้อผ้าให้กับเหล่าถังเหล็ก คุณนายจิ้งจอกเอาผ้าแพรไหมมาพันคอให้กับนักดนตรี คุณหมีขาวมอบไม้ควบคุมเพลงให้กับผู้อำนวยเพลง เหล่านักดนตรีถังเหล็กก็ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที ต่างพากันกล่าวขอบคุณเพื่อนๆด้วยความดีใจ
เพื่อนๆก็กล่าวด้วยความดีใจว่า “ขอบคุณมากสำหรับเสียงเพลง และดนตรีที่แสนไพเราะ”
ผู้คนในหมู่บ้านแห่งนี้ ไม่มีใครพูดถึงเสียงเอะอะโวยวายน่าหนวกหูนั้นอีกเลย มีเพียงเสียงดนตรีไพเราะจากคณะนักดนตรีถังเหล็กที่ยังคงความไพเราะไม่มีวันลืมเลือนเท่านั้น
小镇上,有几只铁皮桶住在一起,他们有高有矮,有胖有瘦,讲起话来声音响响的。
大铁皮桶又粗又壮,他拍着大肚皮,叫着:”哐哐哐,我是大哥哥,你们要听我的。”
长铁皮桶又高又细,他伸着长脖子,叫着:”咚咚咚,我的个子高,你们要听我的。”
小铁皮桶又矮又小,她挤过来,叫着:”当当当,我是小妹妹,你们要听我的。”
白天吵,晚上吵,谁也不听谁的。”哐哐哐、咚咚咚、当当当……”几只铁皮桶吵成一团,声音又大又难听。
住在隔壁的袋鼠博士被吵得犯了心脏病;狐狸太太被吵得睡不了觉;白熊先生的宝宝被吵得哇哇大哭。他们商量着,把家搬走了。
终于有一天,铁皮桶们吵累了,都闭上了嘴。他们突然发觉周围静悄悄的。出了什么事?于是一齐跑出门去。
朋友们全搬走了,小镇冷冷清清。”咦?这是怎么回事呢?”铁皮桶们你看我,我看你,弄不明白。
大铁皮桶一拍脑袋,叫着:”是我们不好,只顾大吵大叫,影响了别人休息和睡觉。”
“对,是这么回事。”大家很难过。
“我们想个办法把朋友们请回来吧!”长铁皮桶说。
“我们成立一支小乐队,给大家演唱,一定很捧的。”小铁皮桶说。
“这个主意好!”大家都高兴起来。
铁皮桶们按高矮胖瘦排好队,大铁皮桶当指挥,齐心合力地排练着。
几天后,铁皮桶们来到小镇的广场上,正式演出了。
“丁丁咚,咚咚丁,哐哐哐,当当当……”清脆好听的乐曲传得很远很远,朋友们纷纷跑来看演出,冷冷清清的小镇又热闹起来了。
为了感谢铁皮桶乐队的演出,袋鼠博士提来一桶彩色油漆,为铁皮桶们穿上好看的演出服;狐狸太太用彩色丝带为铁皮桶们系上神气的领带;白熊先生送给大铁皮桶一根银白色的指挥棒。铁皮桶们又神气又漂亮,他们高兴地说:”谢谢你们!”
朋友们也高兴地说:”谢谢你们带来的快乐和歌声!”
小镇的人们谁也不记得曾经有几只爱吵闹的铁皮桶,而只记得有一支能带来快乐的铁皮桶乐队。
ผู้เขียน Yi Ming(ไม่ปรากฏนามผู้แต่ง)
แปลและเรียบเรียง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เมชฌ สอดส่องกฤษ