เจ้าเจี๊ยบปุกปุย 花羽毛小松鸡

ไก่ฟ้าตัวน้อยๆตัวหนึ่งมีชื่อว่า ปุกปุย ร้องงอแงจะเอาเมล็ดสน ก็เพราะพี่ไก่โต้งหงอนแดงตัวโตน่ะสิ ไปเก็บเมล็ดสนที่ทั้งกลมทั้งใหญ่มาได้หนึ่งเมล็ด เดินมาร้องเรียกเจ้าเป๋อยู่ที่หน้าบ้าน “เจ้าเป๋ ๆ มานี่เร็วเข้า ฉันเก็บเมล็ดสนลูกใหญ่มาได้ด้วยล่ะ”
น้องปุกปุยเห็นเข้าก็รีบกระพือปีกเล็กๆ พุ่งเข้ามา “หนูจะเอา หนูจะเอา”
แต่พี่ไก่โต้งกลับบอกว่า “เมล็ดสนนี้ให้น้องเป๋ไปเถอะนะ ขาเค้าไม่ค่อยดี ออกไปหาเมล็ดสนยากกว่าพวกเรา เราจะต้องช่วยเหลือเค้านะ”
น้องปุกปุยได้ยินดังนั้นก็โกรธมาก “เชอะ ไม่เห็นจะมีอะไรเลย ก็แค่เมล็ดสนกระจอก ๆ ไม่ให้ก็ช่างประไร ไม่เห็นจะต้องพูดมากมายขนาดนั้น” น้องปุกปุยเดินจากไปอย่างไม่สบอารมณ์ เดินไปพลางคิดไปพลาง “แกให้เมล็ดสนกับเจ้าเป๋ แล้วเจ้าเป๋ก็เย็บถุงเท้าให้เจ้าตาหยี ไม่แน่ เจ้าตาหยีอาจจะมีอะไรพิเศษกับพี่ไก้โต้งก็เป็นได้ ถือโอกาสนี้รีบตีตัวออกห่างพวกมันจะดีเสียกว่า ฉันไม่เข้าร่วมกับพวกแกให้โง่หรอก”
ตอนนี้เริ่มเข้าฤดูหนาวแล้ว อีกไม่นานฟ้าก็จะโปรยปรายปุยหิมะขาวๆลงมา บรรดาไก่ฟ้าก็อพยพหนีหนาวขึ้นไปสู่ที่ลุ่มกันหมด แต่เจ้าปุกปุยยังไม่หายโกรธเลยล่ะ “ฮึ่ม ฉันออกห่างจากพวกแกก็อยู่ได้เหมือนกัน ก็จำศีลฤดูหนาวได้เหมือนกัน” เจ้าปุกปุยเดินไปเดินมาอยู่ใต้ต้นสน ตั้งใจจะปีนขึ้นไปทำรังอยู่บนนั้น แต่เจ้าปุกปุยยังโตไม่พอที่จะทำได้ ปีนยังไงก็ปีนไม่ขึ้น หิมะก็ตกลงมาอย่างหนักทั้งวันทั้งคืน ป่าสน ท้องทุ่ง ที่ลุ่มก็เต็มไปด้วยหิมะขาวโพลน แต่น้องปุกปุยยังหาที่พักหลบหนาวไม่ได้เลย จนเกือบเอาชีวิตไม่รอด มิหนำซ้ำยังมีจิ้งจอกกำลังวิ่งตรงมาที่มันอีก ทำยังไงดีล่ะเนี่ย เจ้าปุกปุยตกใจกลัวจนตัวสั่น
เวลาเดียวกันนั้นเอง พี่ไก่โต้ง เจ้าเป๋ เจ้าตาหยีวิ่งมาจากเนินเขาโน่น ตะโกนเรียก “เจ้าปุกปุย เจ้าปุกปุย วิ่งมาทางนี้เร็วเข้า”
ปุกปุยรู้สึกอุ่นใจขึ้นมา หันหลังวิ่งไปหาเพื่อนๆอย่างรวดเร็ว พอปุกปุยวิ่งไปถึงพี่ไก่โต้ง เจ้าจิ้งจอกก็วิ่งไล่ตามมาติดๆ เจ้าเป๋ดึงปุกปุยวิ่งหนีไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว โดยมีพี่ไก่โต้งกับเจ้าตาหยีคอยป้องกันอยู่ข้างหลัง พวกไก่ทั้งสี่วิ่งหนีไปพลาง ขาทั้งสองก็เขี่ยหิมะไปข้างหลัง “ฟิ้ว ๆ ๆ” ละอองหิมะเข้าตาเจ้าจิ้งจอกจนต้องหลับตาหยี หยุดขยี้ตาอยู่ตรงนั้นอยู่นานก็ยังลืมตาไม่ขึ้น
จากนั้นมา ปุกปุยก็ขุดลงไปในถ้ำหิมะ ปีนี้เป็นฤดูใบไม้ผลิปีแรกในชีวิตของเจ้าปุกปุย มันยังไม่เคยอยู่ในบ้านแบบนี้มาก่อน พวกไก่ฟ้าพากันขุดหิมะให้ลึกลงไป ที่แท้ที่นี่ก็เป็นบ้านใต้หิมะนี่เอง ข้างใต้มีห้องหิมะแบ่งเป็นห้องๆ แต่ละห้องมีทางผ่านไปถึงกัน แต่ละช่วงก็จะเจาะรูระบายอากาศ ไม่ว่าอากาศข้างนอกจะหนาวเย็นแค่ไหนก็ผ่านเข้ามาไม่ได้ แล้วยังสามารถป้องกันเหยี่ยวและจิ้งจอกได้อีกด้วย เวลาหิวก็คุ้ยเขี่ยพื้นดิน หาต้นกล้า ตัวหนอนกินได้ เพราะที่นี่เป็นแหล่งอาหารที่ไม่มีทางหมดเสียด้วย พอถึงฤดูใบไม้ผลิ พวกมันก็กลับไปที่ป่าสนได้ อยู่ที่นั่นพวกมันก็จะมีชีวิตอิสระและสุขสบาย เจ้าปุกปุยเห็นดังนั้นถึงกับตกตะลึง “โอ้โห พวกแกทำไมขุดที่พักได้ดีขนาดนี้ล่ะเนี่ย”
ไก่โต้งบอกว่า “นี่เป็นเพราะว่าพ่อแม่ คุณอา คุณป้าสอนพวกเรา พวกเราทุกคนร่วมแรงร่วมใจสร้างขึ้นมา ไก่ฟ้าเล็กๆแค่ตัวเดียวก็ทำไม่สำเร็จหรอก ไม่มีแรงสามัคคี พวกเราเหล่าไก่ฟ้าก็ไม่สามารถผ่านหน้าหนาวอันโหดร้ายไปได้หรอก
เจ้าปุกปุยได้ยินดังนั้นก็สำนึกผิด แล้วพูดว่า “ฉันผิดไปแล้ว ต่อไปฉันจะไม่ออกไปจากฝูงอีกแล้ว”
หมายเหตุ 松鸡sōnɡjī หมายถึงนกไก่สน เป็นไก่ในตระกูลไก่ฟ้า
一只叫花羽毛的小松鸡,为一颗松子吵架啦。松鸡红冠冠捡到一颗又大又圆的松子,喊着附近的瘸瘸腿:”瘸瘸腿,快来呀,我捡到一颗大松子。”
花羽毛听见了,忙乍开小翅膀,连蹦带跳地冲过来:”我要!我要!”
红冠冠却说:”这颗松子给瘸瘸腿吧,她腿有毛病,找松子有困难,我们要帮助她。”
花羽毛一听就来气了。哼,有什么了不起,不就是一颗松子吗,不给就得了,干吗还说那么多废话。花羽毛气哼哼地走了。一边走,一边还在想,你给瘸瘸腿松子,瘸瘸腿给眯眯眼缝袜子,眯眯眼不定给你红冠冠什么好处呢。我趁早躲你们远远的,才不和你们一群哩。
现在是初冬。不久天上纷纷扬扬下起大雪来。松鸡们都成群结伙地到洼地去了。花羽毛心里还生气哩,哼,我离开你们一样生存,一样过冬。他在一棵大松树下来回转着,想攀上去找个地方做窝,可花羽毛没有那种能力,说什么也爬不上去。大雪下了一天一夜零三个小时,松林、原野、洼地都积了厚厚的雪。花羽毛一直没找到住处,在冰天雪地里冻得直发抖,刚才被一只老鹰追捕,掉了三根半美丽的羽毛,差点儿丧命,现在远处又有一只狐狸向他奔来,怎么办?吓得他更发抖了。
正在这时,红冠冠、瘸瘸腿、眯眯眼从洼地那边跑过来,喊着:”花羽毛,花羽毛!快往这边跑。”
花羽毛心头一热,扭头朝他们奔去。当他跑到红冠冠他们面前时,狐狸也追过来。瘸瘸腿拉着花羽毛继续朝前跑,红冠冠、眯咪眼跟在后边保护着他,他们一边跑,一边用后腿刨着积雪。”扑-扑-扑”,积雪喷得狐狸眯了眼,他站在那里揉呀揉,揉了半天也睁不开眼。
这时候,小松鸡们早钻入洼地的积雪里。小松鸡花羽毛是今年春天落生的,还没有见过这样的住处。他们钻进深雪里,原来是松鸡们挖好的”雪下城”。里面有一座一座的雪屋,雪屋和雪屋之间有雪的通道,每隔一段距离,还有通到地面的通气孔。这真是寒冷打不透,老鹰、狐狸找不到的好住处。饿了,创开脚下的泥土,寻找草茎、虫卵吃,这里有取之不尽的食物呢。到了春天,他们又可以回到松林,过着自由愉快的生活。花羽毛见了,惊喜地说:”哎呀,你们怎么挖出这么好的住处呀?”
红冠冠说:”这都是在父母、叔叔、婶婶的指导下,大家齐心协力挖出的,单靠一两只小松鸡是挖不成的。没有集体,我们松鸡是过不了冬的。”
小松鸡花羽毛听了,羞愧地说:”是我错了,以后我再也不离开集体了。”
ผู้เขียน Yi Ming(ไม่ปรากฏนามผู้แต่ง)
แปลและเรียบเรียง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เมชฌ สอดส่องกฤษ