เพื่อนที่มีลูกศร 带箭的朋友

น้องกระต่าย น้องเป็ดก้าบๆ และเจ้าจ๋อน้อยเป็นเพื่อนรักกัน พวกมันพากันเล่นกระโดดหนังยางที่สนามหญ้าอย่างสนุกสนาน ในเวลาเดียวกันนั้นเองมีสัตว์ตัวหนึ่งเดินเข้ามา ตัวของมันมีลูกศรติดเต็มตัวไปหมด ดูๆแล้วเหมือนกับลูกเกาลัดยักษ์กลิ้งอยู่บนพื้น (ลูกเกาลัดมีขนรอบผลเหมือนเงาะ) พอเดินไปตามพื้นก็ได้ยินเสียงกรุ๊งกริ๊งๆ ตลอดเวลา
“หวัดดีเพื่อนๆ ขอฉันเล่นด้วยคนนะ” สัตว์ที่มีลูกศรปักเต็มตัวพูดกับเพื่อนๆ
น้องกระต่ายทำหูตั้ง พูดว่า “อื้อหือ ตัวแกมีลูกศรปักเต็มไปหมด น่ากลัวจะตาย”
“ถ้าเกิดแกมาโดนตัวเราเข้า พวกเราจะต้องได้รับบาดเจ็บแน่ๆเลยล่ะ ไม่เอา ไม่เล่น ๆ ” เสียงเป็ดร้องก้าบ ๆ ๆ ปฏิเสธอย่างไม่ใยดี
น้องเจี๊ยกกระโดดเข้าไปใกล้ วนดูซ้ายที ขวาที ลองยื่นมือไปแตะดู แล้วก็บอกว่า “แกเป็นใครกันน่ะ ทำไมพวกเราไม่รู้จักแกมาก่อนเลยล่ะ”
“ฉันคือเม่น เพราะฉันท่าทางโง่เง่า หน้าตาก็ไม่ดี ไม่มีใครยอมเป็นเพื่อนกับฉันเลย ฉันเหงาจังเลย พวกนายเล่นกับฉันหน่อยได้ไหมล่ะ”
“อ๋อ เจ้าเม่นนี่เอง ฉันเคยได้ยินแม่เล่าให้ฟัง ไม่คิดเลยว่าจะน่ากลัวขนาดนี้ แกยืนดูอยู่ข้างๆก็แล้วกันนะ” น้องเจี๊ยกแลบลิ้นใส่น้องเม่น
พูดจบ น้องกระต่าย น้องก้าบๆ น้องเจี๊ยกก็เล่นกระโดดหนังยางต่อ กระโดดไปหัวเราะไปด้วยความสนุกสนาน โถ..น้องเม่นผู้น่าสงสารก็ได้แต่นั่งดูอยู่ข้างๆ เล่นกับใครก็ไม่ได้
น้องกระต่ายมองเห็นน้องเม่นนั่งเหงาอยู่คนเดียว ก็เลยพูดกับเพื่อนทั้งสองว่า “ให้น้องเม่นเล่นกับพวกเราเถอะนะ มีเพื่อนเพิ่มขึ้นมาอีกคน ดีเสียอีก”
น้องก้าบๆหันหลังกลับมาดู แล้วก็กลับคำพูดใหม่ว่า “ก็นั่นสินะ เกิดมาขี้เหร่ก็ไม่ใช่ความผิดของเค้าซะหน่อย ดูสิ เค้าเหงามากเลยนะ”
น้องเจี๊ยกก็สนับสนุนอีกว่า “เมื่อตะกี้ฉันล้อเล่นนะ ฉันเห็นด้วยให้น้องเม่นมาเป็นเพื่อนกับพวกเรา”
ดังนั้น น้องกระต่าย น้องก้าบๆ น้องเจี๊ยกๆ ก็พร้อมใจกันพูดกับน้องเม่นว่า “ขอโทษนะ ตอนนี้พวกเราจะเป็นเพื่อนกับนายแล้วล่ะนะ”
น้องเม่นได้ยินดังนั้นก็ดีใจที่สุด แล้วก็ตะโกนเสียงดังว่า “มีคนยอมเป็นเพื่อนกับผมแล้ว มีคนยอมเป็นเพื่อนกับผมแล้ว”
เพื่อนๆทั้งสี่ก็หัวเราะร่าเริงด้วยความสุข
ทันใดนั้นเอง น้องเจี๊ยกมองเห็นจิ้งจอกแอบย่องเข้ามาจากทางทิศตะวันออก จึงรีบตะโกนบอกเพื่อนๆ “ดูนั่นเร็ว จิ้งจอกมาโน่นแล้ว”
น้องกระต่ายชี้ไปทางทิศตะวันตก “โน่น หมาป่ามาทางโน้นแล้ว”
น้องก้าบๆมองไปทางทิศใต้ แล้วก็ตะโกนว่า “แย่แล้ว มีเสือมาทางโน้นแล้ว”
เพื่อนทั้งสามรีบจูงมือน้องเม่น และจะพากันหนีไปทางทิศเหนือ แต่พอเงยหน้าขึ้นดูก็เห็นสิงโตดุร้ายตัวหนึ่งกำลังเดินเข้ามา น้องเจี๊ยกเอามือกุมหัวขอชีวิต น้องกระต่ายก็กลัวจนหูสั่น น้องก้าบๆก็กระพือปีกพั่บๆ ๆ ตกใจกลัวกันจนไม่รู้จะหนีไปทางไหน น้องเม่นลูบๆคลำๆที่ลำตัวแล้วก็บอกว่า “ฉันมีวิธีแล้วล่ะ”
“นายมีวิธีอะไรเหรอ” น้องกระต่าย น้องก้าบ และน้องเจี๊ยกแย่งกันถาม
“พวกนายมีหนังยาง บนตัวฉันมีลูกศร เอาไว้ยิงพวกมันยังไงล่ะ” น้องเม่นพูดด้วยความมั่นใจ
“ช่างเป็นวิธีที่วิเศษจริงเลย” น้องเจี๊ยกกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ
ดังนั้น น้องเม่นก็ถอนลูกศรออกมาจากตัว น้องกระต่ายกับน้องก้าบก็ดึงหนังยางให้ตึง น้องเจี๊ยกใช้หนังยางทำเป็นธนู แล้วก็เอาขนของน้องเม่นมาเล็งที่ปากของสิงโต แล้วก็ยิง ฟี้ว…. โอ้โห น้องเจี๊ยกยิงธนูได้แม่นยำมาก ลูกธนูดอกนี้ยิงเข้าปากของสิงโตพอดีเลย ทำเอาสิงโตร้องโอ้ยๆ ด้วยความเจ็บปวด รีบวิ่งหนีกลับไป
น้องเจี๊ยกก็ใช้วิธีเดิมยิงธนูไปอีกสองดอก สามดอก จนจิ้งจอกกับเสือโคร่งวิ่งหนีหายไป
เพื่อนๆทั้งสี่ชนะแล้ว ก็จูงมือกันเป็นวงร้องเพลงเต้นระบำ น้องเจี๊ยกพูดว่า “มีเพื่อนเพิ่มอีกหนึ่งคน ก็มีพลังเพิ่มอีกหนึ่งแรงจริงๆด้วย”
小兔子、小鸭子、小猴子是好朋友,他们在草地上愉快地跳皮筋儿。这时来了一个全身插箭的动物,看上去他就像在地上滚动的巨大毛栗,走起路来簌簌作响。
“你们好,让我们一起玩吧。”身上插满箭的动物说。
小白兔晃晃长耳朵说:”哎呀,你全身插满了箭,真是可怕。”
“你要碰一碰我们,我们会全身受伤的。不玩,不玩。”小鸭子嘎嘎地说。
小猴子跳过去,左瞧瞧,右瞧瞧,用手抓抓腮帮子说:”你是谁呀,我们怎么不认识你呀?”
“我是箭猪,因为愚笨,其貌不扬,没人和我做朋友,可孤独了。你们能和我玩吗?”
“噢,箭猪呀,我听妈妈讲过,没想到这么可怕呀。你只好在旁边看着了。”小猴子摊开双手,做个鬼脸。
小兔子、小鸭子、小猴子又跳起了皮筋儿。他们又跳又笑,玩得好开心哟。箭猪只好在一边看着,不能和他们一起玩儿。
小兔子看看孤独的箭猪,忽然对两个伙伴说:”还是让箭猪和我们一起玩儿吧,多一个朋友有什么不好?”
小鸭子扭过头看看箭猪,改换口气说:”也是,长得丑也不是他的错,看他真是孤独。”
小猴子调皮地接过话碴儿:”我刚才只是说说笑话。我同意让他做我们的朋友。”
于是,小白兔、小鸭子、小猴子一起对箭猪说:”对不起。我们现在要和你做朋友。”
箭猪听了,真是高兴极了,他大声地喊道:”有人和我做朋友了,有人和我做朋友了!”
这四个朋友又继续开心地玩起来。
忽然,小猴子发现东边来了一只狐狸,忙喊道:”快看!狐狸!”
小兔子指指西边说:”哎呀,一条恶狼:”
小鸭子指着南边说:”不好,一只大老虎!”
他们三个拉着箭猪准备向北边逃走,可是抬头一看,一头凶猛的狮子也正向这里走来。小猴子抓耳挠腮,小兔子直摇耳朵,小鸭子拍拍翅膀,急得一点办法也没有。箭猪摸摸身上的箭说:”我倒有一个好办法。”
“你有什么办法?”小兔子、小鸭子、小猴子一齐问。
“你们有皮筋儿,我身上有箭,可以射他们呀。”箭猪说。
“这倒是个好办法。”小猴子跳起来说。
于是,箭猪从身上拔下箭,由小兔子、小鸭子拉紧皮筋儿,小猴子用皮筋儿做弓弦,搭上箭对准狮子的嘴巴,嗖地射过去。好!小猴子的箭法真准,这一箭正射在狮子大王的嘴唇上,痛得他嗷嗷直叫,掉头逃走了。
小猴子又接二连三地把箭射向恶狼、狐狸和老虎,将他们一个一个地射跑。
他们胜利了。手拉手地跳起舞来。小猴子发出感叹说:’真是多一个朋友,多一份力量!”
小白兔、小鸭子也齐声地喊道:”对!多一个朋友,多一份力量!”
箭猪也开心地笑了。
ผู้เขียน Yi Ming(ไม่ปรากฏนามผู้แต่ง)
แปลและเรียบเรียง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เมชฌ สอดส่องกฤษ