เข็มขัดลดความอ้วน 减肥腰带

คุณจิ้งจอกเปิดร้านใหม่ เป็นร้านขายเข็มขัดโดยเฉพาะ ทุกๆวัน คุณจิ้งจอกก็จะตะโกนเรียกลูกค้า
“มาซื้อเข็มขัดเร็วครับ ซื้อเข็มขัดหน่อยนะครับ ที่นี่มีเข็มขัดหลายแบบให้เลือกครบครัน มีแบบสวยงามทันสมัยราคาถูก รับรองถูกใจ รีบมาเร็วไวๆ เชิญครับ เชิญเลยๆ ๆ ”
หลายวันผ่านไป เข็มขัดยังขายไม่ออกเลยสักเส้นเดียว ทำให้คุณจิ้งจอกกลุ้มอกกลุ้มใจเป็นที่สุด
อยู่มาวันหนึ่ง คุณจิ้งจอกก็คิดวิธีดีๆขึ้นมาได้ รุ่งเช้า เพิ่งจะเปิดร้าน คุณจิ้งจอกก็ร้องเรียกลูกค้าอยู่หน้าร้าน
“มาซื้อเข็มขัดกันเร็วเข้า ที่นี่ขายเข็มขัดลดความอ้วน ไม่ว่าคุณจะอ้วนมากแค่ไหน เพียงแค่คาดเข็มขัดของเรา รับรองว่าท่านจะเอวเล็กลง รูปร่างงดงามสมส่วน เชิญครับ เร็ว ๆๆ มาซื้อเข็มขัดลดน้ำหนักกันเร็ว”
วิธีนี้ใช้ได้ผลดีจัง
คุณลุงฮิบโปกำลังกลุ้มใจกับพุงของแกอยู่พอดีเลย ได้ยินว่ามีเข็มขัดลดน้ำหนัก ก็รีบมาซื้อหนึ่งเส้น
คุณตาช้างงวงยาวก็รู้สึกว่า พุงของตัวเองใหญ่มากเกินไปแล้ว ก็ซื้อไปหนึ่งเส้น
คุณนายหมี กินยาลดความอ้วนมาหลายอย่าง คุณป้าหมูก็ทายาลดความอ้วนไปหลายหลอด ก็ลดไม่ลงเสียที ได้ยินว่ามีเข็มขัดลดความอ้วนก็รีบมาซื้อ ในที่สุด คนละเส้นสองเส้น เข็มขัดที่ขายไม่ออกมาหลายเดือน ก็ขายหมดในเวลาไม่ถึงครึ่งวัน
วันนี้คุณจิ้งจอกปิดร้านเร็วมาก นั่งนับเงินอยู่ในร้านด้วยความภาคภูมิใจในความเฉลียวฉลาดของตัวเอง
สัตว์น้อยใหญ่ตัวอ้วนทั้งหลายที่ซื้อเข็มขัดไป ก็หวังว่าตัวเองจะสามารถลดน้ำหนักลงได้
ผ่านไปสิบกว่าวัน คุณลุงฮิบโปก็รู้สึกว่าเอวของตัวเองไม่ได้ลดลงเลย ก็เลยไปหาคุณตาช้าง ถามว่า “เอวของคุณตาเล็กลงหรือยัง”
“เฮ้อ…เล็กลงอะไรกัน เมื่อตะกี่ฉันลองชั่งน้ำหนักดู อ้วนขึ้นมาอีกสิบกิโลแน่ะ”
คุณนายหมี กับคุณป้าหมูก็มาถามเหมือนกัน “พวกคุณดูนี่สิ เข็มขัดที่ซื้อมาเนี่ย จนเกือบจะคาดไม่รอบแล้วนะ” ส่วนคุณป้าหมูก็ร้องบอกว่า “พวกคุณดูท้องฉันสิ ฉันจนเกือบจะมองไม่เห็นสะดือตัวเองแล้วนะเนี่ย อู๊ด ๆ ” ทุกคนรู้ว่าโดนคุณจิ้งจอกหลอก ก็พากันถอดเข็มขัดออกแล้วเดินทางไปหาคุณจิ้งจอก
คุณจิ้งจอกเห็นลูกค้าทั้งหลายเดินมาที่ร้านตนเองด้วยความโกรธแค้น รู้ว่าเหตุการณ์ชักไม่ดีเสียแล้ว ก็จะรีบปิดประตู แต่ว่าไม่มันเสียแล้ว คุณตาช้างงวงยาวยื่นงวงไปม้วนคุณจิ้งจอกเอาไว้ คุณนายหมีลงมือ เอาเข็มขัดสี่เส้นมัดคุณจิ้งจอกเอาไว้แน่น
น่าแปลกจัง เมื่อคุณจิ้งจอกคาดเข็มขัด ก็เหมือนกับสูบลมเข้า อ้วนขึ้นในพริบตา จนในที่สุดก็ถูกมัดจนกลายเป็นเนื้อก้อนหนึ่ง
“ฮ่า ๆ ๆ เข็มขัดพวกนี้ แกเก็บไว้ใช้เองก็แล้วกันนะ”
บรรดาสัตว์อ้วนเดินจากไป ส่วนคุณจิ้งจอกโดนมัดจนขยับตัวไม่ได้ พูดอะไรไม่ออกสักคำ
小狐狸开的商店,专卖腰带。每天,小狐狸都扯着嗓子喊:
“买腰带来买腰带,这里的腰带品种齐全,美观大方,价钱便宜,保您满意,快来买腰带呀”
许多天过去了,腰带一条也没卖出去。小狐狸真发愁。
一天,小狐狸突然想出个主意,早晨,刚一开门,他又喊:
“买腰带来买腰带,这里卖的是减肥腰带,不论您有多胖,只要您系上我的腰带,保您肚子变小,人变苗条,快来买减肥腰带呀!”
这一招真灵!
河马大伯正为他的肚子大发愁呢,听说腰带能减肥,立刻买了一条。
大象公公也觉得自己的腰太粗,买了一条。
熊太太吃了许多减肥药,猪大婶抹了十几盒苗条霜,都瘦不下来,她们听说系一条腰带就能减肥,也都跑来买。结果,你一条,我一条,几个月没卖出去的腰带,不到半天都卖完了。
这一天,小狐狸早早就关了商店的门,他数着钱,非常得意自己的聪明。
买了腰带的动物们都系上了新腰带,盼着自己的大肚子快点下去。
十几天过去了,河马大伯觉得自己的腰并没有细下来,他找到大象说:”大象公公,您的腰细了吗?”
“咳,细什么呀,刚才我还称了一下体重,又长了二十斤!”
熊太太、猪大婶也来了。熊太太说:”你们看,这腰带都快系不上了。”猪大婶也叫:”你们瞧我的肚子,我都快看不见自己的肚脐眼了。”大家知道上了小狐狸的当,便一起解下腰带,去找小狐狸算账。
小孤狸见大伙气势汹汹地朝商店走来,知道不好,想赶紧关门,可是,来不及了,大象公公的长鼻子一下就把小狐狸卷了过来。由熊太太动手,四条腰带全都系在了小狐狸身上。
真奇怪,小狐狸一系上腰带,立刻像吹气似的,眼瞧着胖了起来,最后,竟成了个肉团。
“哈哈哈,这腰带留着你自己用吧!”
望着哈哈大笑的伙伴们,小狐狸一步也走不动,一句话也说不出来。
ผู้เขียน Yi Ming(ไม่ปรากฏนามผู้แต่ง)
แปลและเรียบเรียง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เมชฌ สอดส่องกฤษ

กรรไกรผู้พิชิต 剪刀大侠

มีกรรไกรใหญ่อันหนึ่งเที่ยวเล่นอยู่บนทุ่งหญ้า วิ่งเล่นไปร้องเพลงไปแสนสุขใจ
“ฉับๆ ๆ
ฉันคือกรรไกรผู้พิชิต
ใครไม่เชื่อฟังฉัน
ฉับๆ ๆ ”
ต้นเบญมาศผู้มีความรู้ต้นหนึ่งได้ยินเสียงกรรไกรร้องเพลงก็ส่ายหัวไปมา “เนื้อเพลงนี้แต่งไม่ค่อยเพราะ ขึ้นต้นเพลง ฉับๆ ๆ แล้วทำไม จบเพลงก็ยังเป็น ฉับ ๆ ๆ อยู่อีกล่ะ”
“มันเรื่องอะไรของแก” กรรไกรหันหลังขวั่บกลับมา ตัดหัวต้นเบญมาศ ฉั่บ!ขาดกระเด็น จากนั้น กรรไกรผู้ยิ่งใหญ่ก็เดินร้องเพลงตรงไปที่หุบเขา
กิ้งก่าตัวหนึ่งได้ยินเสียงเพลงก็ส่ายหัวบอกว่า “เพลงนี้ช่างไร้ความไพเราะสิ้นดี คนร้องก็เสียงแหบยังกับอะไรดี อิอิ”
“แกกล้าหัวเราะเยาะฉันเหรอ” กรรไกรเดินเข้าไป ตัดหางของกิ้งก่าขาดกระเด็น แล้วก็เดินร้องเพลงมุ่งหน้าเข้าป่าไป
เสือโคร่งได้ยินเสียงเพลง ลูบหนวดยาวแล้วก็พูดว่า “ในป่ามีเพียงเสือโคร่งจ้าวป่าเท่านั้น แต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่เคยได้ยินกรรไกรผู้พิชิต”
“ให้แกได้รู้ฤทธิ์ฉันบ้าง” พูดจบ กรรไกรก็พุ่งเข้าไปตัดหนวดเสือจนขาดหมด เอาชนะเสือโคร่งจ้าวป่ามาได้ ทำให้กรรไกรยิ่งมีพลังมากขึ้น มันจึงขึ้นไปยืนบนยอดเขาแล้วตะโกนให้ทุกคนได้ยิน “ใครยังไม่แพ้ยอมข้า ออกมาเลย”
“แกเข้ามาเลย ฉันไม่กลัวแกหรอก” เสียงกังวานดังมาจากเชิงเขา
“ฮึ่ม มันน่าโมโหนัก” กรรไกรคำรามเสียงดัง แล้ววิ่งไปที่เชิงเขา มันอยากจะไปดูให้เห็นกับตาว่าใครกัน ที่มันบังอาจขนาดนี้
นอกเสียจากว่ามันจะเก่งกว่าเสือโคร่งจ้าวป่า เชอะ ที่แท้ก็เป็นคลองน้ำเล็ก ๆ สายน้ำใสๆไหลลัดเลาะไปตามก้อนหิน ร้องเพลงจ๊อก ๆ จ๊อก ๆ
กรรไกรผู้ดุร้ายไม่พูดพล่ามทำเพลง พุ่งเข้าไปตัดเสียงดัง “ฉึ่บๆ ๆ ” เป็นร้อยครั้งด้วยความโกรธสุดขีด แต่ก็ตัดคลองไม่ขาด “ฉึ่บๆ ๆ ๆ” ตัดอีกพันครั้ง ก็ยังตัดคลองไม่ขาดเสียที ในที่สุดกรรไกรออกแรงทั้งหมดที่มี ตัดอีกหมื่นครั้ง
ในที่สุดกรรไกรก็หมดแรงตายไป หัวปักอยู่ที่คลองน้ำที่ไหลริน จ๊อก ๆ ๆ แห่งนั้น
ผ่านมาระยะหนึ่ง ดอกเบญจมาศก็แตกยอดออกมาสวยกว่าเดิม กิ้งก่าที่อยู่บนเชิงเขาก็มีหางอันใหม่แล้ว หนวดของเสือโคร่งก็งอกขึ้นมาใหม่ เสือโคร่งเดินไปกินน้ำที่ลำธารก็เห็นกรรไกรขึ้นสนิมผุพัง อยู่ที่ริมลำธารนั่นเอง
有一把大剪刀在草原上游逛,它一边走一边唱歌:
“咔嚓!咔嚓!
我是剪刀大侠。
谁不听我的话,
咔嚓!咔嚓!”
一棵有学问的山菊花听见大剪刀唱歌,摇摇头说:”这歌词写得不太好,开头是’咔嚓咔嚓’,怎么结尾还是’咔嚓咔嚓’?”
“你管得着吗?”大剪刀一扭头,咔嚓一下把山菊花的脑袋剪掉了。大剪刀唱着歌朝山坡上走去。
一只小晰蜴听见了歌声,摆摆尾巴说:”这歌真难听,唱歌的还是个哑嗓子,嘻嘻!”
“你敢取笑我:”大剪刀扑上去,把小晰蜴的尾巴剪断了。大剪刀唱着歌走进森林里。
老虎听见歌声,捋捋胡子说:”森林里只有老虎大王,从来没听说过剪刀大侠!”
“让你知道知道我的厉害!”大剪刀蹦起来,把老虎的胡子剪掉了。打败了老虎大王,大剪刀更加威风了。它站在山顶上大叫一声:”谁还不服气,过来!”
“你过来吧,我才不怕你呢!”从山沟沟里传来一个清脆的声音。
“啊,气死我啦!”大剪刀吼叫着,跑进山沟沟,它要看看是谁这么大胆?莫非比老虎大王还厉害?嗅,原来是一股细细的小溪,清清的溪水顺着石头缝往前流,唱着丁咚丁咚的歌。
凶狠的大剪刀二话不说,扑上去就剪。”咔嚓咔嚓咔嚓……”一连剪了一百下,也没把小溪流剪断。”咔嚓咔嚓咔嚓……”再剪一千下,还没把小溪流剪断。最后,大剪刀使出浑身的力气,又剪了一万下!
大剪刀终于累死了!它一头栽倒在丁咚丁咚的溪水边。
过了几天,草原上的山菊花开出了更美的花朵;山坡上的小晰蜴又有了一条新尾巴;老虎大王的胡子也长出来了,它到山沟里去喝水,看见溪水边横躺着一把生了锈的破剪刀。
ผู้เขียน Yi Ming(ไม่ปรากฏนามผู้แต่ง)
แปลและเรียบเรียง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เมชฌ สอดส่องกฤษ

ความลับร้องเพลง 会唱歌的秘密

เมื่อก่อน ณ ประเทศห่างไกลแห่งหนึ่ง มีพระราชาองค์หนึ่งมีหูเหมือนลา ทุกๆวันพระราชาจะสวมชฎาครอบไว้บนหัว เพราะฉะนั้น นอกจากตัวพระราชาเองแล้ว ไม่มีใครรู้เลยว่าพระราชามีหูเป็นลา
อยู่มาวันหนึ่ง พระราชาเชิญให้ช่างตัดผมเข้ามาในวัง เพราะว่าผมของพระราชายาวมากแล้ว จำเป็นจะต้องให้ช่างตัดผมซะหน่อย แต่พระราชาก็กลัวว่าช่างตัดผมผู้นี้จะแพร่งพรายความลับออกไป หลังจากตัดผมเสร็จ พระราชาจึงออกคำสั่งให้ทหารเอาผ้าอุดปากช่างตัดผม แล้วเอาไปฆ่าทิ้งที่ป่านอกเมือง
ที่ป่านอกเมืองมีกล้าต้นถั่วที่ไม่ค่อยจะแข็งแรงนักงอกอยู่ ตอนที่ช่างตัดผมถูกฆ่าตาย หูเล็กๆของต้นถั่วแอบฟังอยู่ใกล้ ๆ เลือดสดๆกระเด็นลงบนเกสรดอกถั่วนั้น
เลือดของช่างตัดผมรู้ความลับว่าพระราชามีหูเป็นลา แต่เลือดก็ไม่พูดอะไร ได้แต่เก็บงำความลับเอาไว้ในเกสรดอกถั่วนั่นเอง
ต่อมาไม่นาน ฝักถั่วสีเขียวๆก็งอกออกมาจากเกสร ในฝักถั่วมีเมล็ดถั่วสามเมล็ด เมล็ดถั่วทั้งสามนี้แปลงกายมาจากเลือดของช่างตัดผมนั่นเอง พวกมันทั้งสามจำเรื่องราวอันแสนน่ากลัวได้แม่นยำ แต่เมล็ดถั่วทั้งสามถูกฝักถั่วหุ้มไว้สนิท พูดอะไรไม่ได้เลย
ไม่นานนัก ฝักถั่วสีเขียวก็กลายเป็นสีเหลือง เมล็ดถั่วกลมๆก็กระโดดออกมาจากฝักถั่ว
มีนกตัวหนึ่งบินมาพอดี จิกกินเมล็ดถั่วไปหนึ่งเมล็ด
คนเลี้ยงแกะเดินผ่านมาก็เก็บไปหนึ่งเมล็ด
ฝนตก น้ำไหลมา พัดเอาเมล็ดถั่วลอยไปด้วย
นกน้อยไซ้ขน แล้วก็บินสู่ท้องฟ้ากว้างใหญ่ ร้องเพลงจิ๊บ ๆ ไปด้วยความเพลิดเพลิน “จิ๊บ ๆ ๆ พระราชามีหูเป็นลา จิ๊บ ๆ ๆ ”
ฝูงนกก็พากันร้องเพลงตามกันไป “จิ๊บ ๆ ๆ พระราชามีหูเป็นลา จิ๊บ ๆ ๆ ”
ส่วนคนเลี้ยงแกะ พอกลับถึงหมู่บ้าน เดิมทีตั้งใจว่าจะต้มเมล็ดถั่วกินเป็นอาหาร แต่ไก่โต้งจอมตะกละแอบมาจิกเอาเมล็ดถั่วนั้นวิ่งหายไปเสียก่อน
ไก่โต้งโก่งคอ ส่ายหงอนไปมา กระโดดขึ้นไปบนเนิน แล้วก็ขันเป็นเสียงเพลง “เอ้ก อี เอ้ก เอ้ก พระราชามีหูเป็นลา เอ้ก อี เอ้ก เอ้ก”
ไก่โต้งทั้งหมดก็พากันโก่งคอขันเป็นเสียงเดียวกัน “เอ้ก อี เอ้ก เอ้ก พระราชามีหูเป็นลา เอ้ก อี เอ้ก เอ้ก”
น้ำฝนพัดเอาเมล็ดถั่วลงไปในคลอง น้ำคลองซัดสาด ก็พัดเอาความลับในเมล็ดถั่วออกมาเหมือนกัน เสียงน้ำคลองไหลรินเป็นเสียงเพลง พัดลงสู่แม่น้ำ พัดลงสู่ทะเล
ต่างพากันร้องเพลงเป็นเสียงเดียวกันว่า “ซู่ ๆ ๆ พระราชามีหูเป็นลา”
ความลับที่น่ากลัวนี้ ก็กระจายไปทั่วทั้งประเทศอย่างรวดเร็วด้วยเสียงเพลง
ประชาชนที่ได้ยินเสียงเพลง ต่างพากันหัวเราะเสียงดัง “ฮ่า ๆ ๆ ๆ ” เสียงหัวเราะนั้นดังจนน่ากลัว ดังเสียจนพระราชวังของพระราชาสั่นสะเทือนจนพังถล่มลงมา
แล้วพระราชาล่ะ หลบอยู่ในพระราชวังไม่กล้าออกมา ตอนที่พระราชวังถล่ม พระราชาก็ถูกฝังอยู่ในซากปะรักหักพังนั่นเอง
从前,在一个遥远的国家,住着一个长着驴耳朵的国王。国王每天把王冠戴在头上,因此,除了他自己之外,谁也不知道他长着驴耳朵。
一天,国王把理发师召进了王宫,因为国王的头发长得太长了,不得不让理发师来理一理。国王担心理发师会把这个可怕的秘密说出去,理完头发之后,国王就命令士兵用毛巾塞住理发师的嘴巴,把他推到城外的旷野里杀死了。
旷野里长着一棵瘦弱的豌豆苗,理发师被杀的时候,一朵细小的豌豆花儿正在悄悄绽开,一滴鲜红的血溅在花芯儿上。
鲜血知道国王长着驴耳朵,但鲜血不说话,只把这个可怕的秘密藏在豌豆花芯儿里。
不久,一个青青的豆荚在花芯儿里长成了,豆荚里包着三颗豆子,它们是理发师的鲜血变成的,它们都记得那个可怕的秘密。但它们被空荚裹得严严实实,一句话也说不出来。
不久,青青的豆荚变黄了,三颗圆圆的豆子从豆奖里蹦了出来。
一只鸟儿飞过来,吃掉了一颗豆子。
一个牧羊人走过来,捡走了一颗豆子。
一阵雨水落下来,冲走了一颗豆子。
鸟儿理理羽毛,振翅飞上天空。鸟儿在天空中放声歌唱:”啾啾啾……国王长着驴耳朵!”
所有的鸟儿都跟着唱:”啾啾啾——,国王长着驴耳朵!”
牧羊人回到村里,本想把那颗豆子煮着吃,但馋嘴的大公鸡扑过来,啄掉了那颗豆子。
大公鸡伸伸脖子,摇摇鸡冠,跳到高坡上,放开嗓子唱:”喔喔喔……国王长着驴耳朵!”
所有的公鸡都跟着唱:”喔喔喔——,国王长着驴耳朵!”
雨水把豆子冲进了小溪,溪水浸开了豆子,也把藏在豆子里的秘密浸了出来。小溪歌唱着流向小河,小河歌唱着奔向大海:
“哗哗哗……国王长着驴耳朵!”
所有的河水都跟着唱:”哗哗哗——,国王长着驴耳朵!”
这个可怕的秘密就这样歌唱着越过千山万水,传遍了全国。
听到歌声,全国的老百姓都笑了。哈哈哈,哈哈哈,那笑声大得可怕,把国王的宫殿都震塌了。
国王呢?国王躲在宫里不敢出来,宫殿倒塌的时候,把国王压死了。
ผู้เขียน Yi Ming(ไม่ปรากฏนามผู้แต่ง)
แปลและเรียบเรียง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เมชฌ สอดส่องกฤษ

หนูตัวน้อยร้องเหมียวๆ 会学猫叫的小老鼠

นับตั้งแต่เจ้าเสืออันธพาลกินไข่ของแม่ไก่เข้าไป ในท้องของมันก็ฟักเป็นไก่โต้งที่ร้องกะต๊าก ๆ แถมยังถูกบรรดาสัตว์ทั้งหลายหามเข้าไปไว้ในสวนสัตว์อีก สร้างความคึกคักให้กับสวนสัตว์เป็นอันมาก ทุกคนได้ฟังเสียงเสือคำราม “กะต๊าก ๆ ” น่ะสิ
แต่ว่าเจ้าหนูน้อย ซึ่งเป็นเพื่อนรักของเสือโคร่งไม่พอใจ
เจ้าหนูน้อยได้ข่าวมาว่าแม่ไก่ยังมีรีโมทบังคับวิเศษด้วย พอกดปุ่มปุ๊บ ท้องของเสือก็จะหยุดร้อง มันก็เลยคิดว่าจะไปขอเอามาให้กับเสือโคร่ง
หนูน้อยเดินไปหาแม่ไก่ที่บ้าน ถือข้าวโพดสีขาวสะอาดมาฝากด้วย พอมาถึง เจ้าหนูน้อยกล่าวคำทักทาย “คุณป้าไก่ สวัสดีฮะ”
แต่แม่ไก่ไม่ชอบหนูเอามาก ๆ ก็ร้องถามแบบไม่แยแสว่า “เจ้าหนู แกมาหาข้ามีธุระอะไรรึ กะต๊าก ๆ ”
“เอ่อ จริงๆแล้วก็ไม่ได้มีธุระอะไรสำคัญหรอกนะฮะ ก็คือว่าโทรทัศน์ที่บ้านผมมันเสียน่ะฮะ ได้ข่าวมาว่า คุณป้ามีรีโมทวิเศษ อยากจะมาขอยืมสักหน่อย เดี๋ยวจะรีบเอามีคืนฮะ”
แม่ไก่พอได้ยินว่าโทรทัศน์เสีย จะเอารีโมทไปซ่อมได้ยังไงกัน แม่ไก่รู้ได้ทันทีว่าเจ้าหนูน้อยต้องมีลับลมคมในเป็นแน่ ก็เลยพูดว่า “ก็ได้ เดี๋ยวป้าจะไปเอามาให้ มาๆ เข้ามกินถั่วรอก่อนก็แล้วกัน” แม่ไก่เอาถั่วใส่จานมาวางให้หนูกิน 5 เม็ด
พอน้องหนูเห็นถั่วเท่านั้นล่ะ อยากกินจนน้ำลายไหล พอแม่ไก่หันหลังกลับไม่ทันพริบตา เจ้าหนูน้อยก็รีบหยิบถั่วเข้าปากแทบไม่ทัน
“เหมียว หง่าว” เอ๊ะทำไมมีเสียงแมวแถวนี้ เจ้าหนูตกใจจนตกลงมาจากเก้าอี้
“เหมียว หง่าว” เจ้าหนูน้อยรีบวิ่งไปซ่อนตัวอยู่ที่หลังประตู แอบมองดูว่าเจ้าเหมียวอยู่ตรงไหน
“เหมียว หง่าว” ทำไมเจ้าเหมียวตัวนี้ตามฉันมาตลอดเลย เจ้าหนูน้อยตกใจจนแทบจะเป็นลม
“เหมียว หง่าว” ครั้งนี้เจ้าหนูน้อยฟังชัดเจนแล้ว ที่แท้ก็เป็นท้องตัวเองกำลังร้องเสียงเหมือนแมว แย่แน่ๆ แมวเข้าไปอยู่ในท้องฉันได้ยังไงกันล่ะ
ขณะดียวกันนั้นเอง แม่ไก่เดินออกมา เห็นเจ้าหนูน้อยตกใจกลัวจนตัวสั่นก็หัวเราะเสียงดังลั่น “ฮ่าๆ ๆ กระต๊าก ๆ ออกมาเถอะ เจ้าหนูเจ้าเล่ห์ ในเม็ดถั่วนั่นน่ะมีเครื่องอัดเสียงแมวขนาดเล็กซ่อนเอาไว้ แกคิดไม่ซื่อ อยากจะเอารีโมทไปให้เสือโคร่ง แกดูนี่ นี่แหละคือรีโมทที่สามารถบังคับไก่ที่อยู่ในท้องเสือโคร่ง และบังคับแมวที่อยู่ในท้องของแก แต่ว่าแกจะไม่ได้รีโมทอันนี้เลย ออกไป แล้วก็เอาถั่วที่แก้ขโมยมานี่ไปด้วย ออกไป”
เจ้าหนูน้อยไม่ได้รีโมทกลับไป ร้ายไปกว่านั้นในท้องของมันยังมีเสียง “หง่าวๆ ” ดังขึ้นตลอด แม้ว่าแมวในท้องเป็นแมวปลอม แต่เสียงร้องนั่นก็ทำเอาเจ้าหนูขาสั่น ตกตะลึงงัน
วันทั้งวัน เจ้าแมวตกใจกลัววิ่งหลบไปทั่ว ต่อมา ก็ลทอกันว่ามันเป็นโรคประสาทไปแล้ว บ้างก็ว่ามันหิวตาย ไม่ว่ายังไง นับแต่นั้นเป็นต้นมา ก็ไม่เคยมีใครพบเห็นเจ้าหนูนั่นอีกเลย
自从横行霸道的大老虎吃了老母鸡的蛋,在肚子里孵出了一只会打鸣儿的小公鸡,又被动物们抬进了动物园,这下可热闹了。在为大家都想听一听老虎”喔喔喔——”打鸣儿嘛。
可是大老虎的好朋友小老鼠一脸的不高兴。
小老鼠听产老母鸡还有个微型遥控器,一按,老虎的肚子就可以不叫,就想向老母鸡要来,送给大老虎。
小老鼠来到老母鸡家,还提了一袋精白玉米,他说:”母鸡大婶,您好啊!”
老母鸡特别讨厌小老鼠,待答不理地说:”小老鼠,你有什么事吗?”
“啊,其实,也算不上什么事,就是我家的电视机有了毛病,听说您有个什么遥控器,想借用一下,很快就还您。”
老母鸡一听,电视机坏了,哪有用遥控器修的,她知道小老鼠没安好心,就说:”好吧,我去给你拿,你先吃点儿花生米。”说着,把盛着5粒花生米的一个小碟放在小老鼠的面前。
小老鼠一见花生米,口水都流出来了,等老母鸡一转身,便把5粒花生米都扔进了嘴里。
“喵呜!”怎么有猫叫,小老鼠吓得一下子从椅子上跌了下来。
“喵呜!”小老鼠赶快藏到门后,想看看猫在哪里?
“喵呜!”怎么这只猫老追着我,小老鼠吓得快晕过去了。
“喵呜!”这回小老鼠听清了,是自己肚子里在叫。该死的,怎么猫钻进了我的肚子。
这时,老母鸡出来了,看见小老鼠吓得直哆嗦,哈哈一笑说:”出来吧,没安好心的老鼠,我那花生米里,有一个微型蜂鸣器、里边录的是猫叫,你没安好心,想把遥控器送给大老虎。你看,这就是遥控器,能管大老虎肚子里的’鸡’,也能管你肚子里的’猫’。可是你永远也别想得到它。滚,拿着你这袋偷来的玉米,快滚!”
小老鼠没有拿到遥控器,肚子里却多了一只”猫”,虽然说,那猫是假的,可那叫声,听着就让他骨头发酥,腿发颤。
整日里,小老鼠吓得没了魂儿似的东躲西藏。后来呢,有的说他得了神经病,有的说他饿死了。反正,从那以后,谁都没有再见到过那只小老鼠。
ผู้เขียน Yi Ming(ไม่ปรากฏนามผู้แต่ง)
แปลและเรียบเรียง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เมชฌ สอดส่องกฤษ

เสือเจ้าป่าคำราม“เอ้ก อี เอ้ก ๆ ๆ ” 会打鸣儿的大老虎”

เสือโคร่งเป็นจ้าวแห่งสัตว์ทั้งปวง มันพูดว่า “ฉันจะต้องเป็นแหมือนกับมนุษย์ ที่จะต้องมีคำว่า หัวหน้า” มันคิดไปคิดมา แล้วก็พูดอีกว่า “ใช่แล้ว ก็เรียกว่า หัวหน้าฝ่ายสัตว์ ก็แล้วกัน”
ท่านหัวหน้าเสืออารมณ์ร้ายมาก เวลาที่ไม่พอใจอะไรแม้เพียงนิดเดียวก็จะรังแกบรรดาสัตว์เล็กสัตว์น้อยอยู่เสมอ พวกสัตว์ตัวเล็กกลัวมันมาก ต่างพากันประจบสอพลอท่านหัวหน้าเสือโดยเอาของกำนัลมามอบให้เป็นประจำ
ฝ่ายเจ้าหมีน้อยกำลังจะขุดหลุมสร้างบ้าน ก็ยังต้องยอมที่จะเอาน้ำผึ้งสองขวดไปมอบเป็นของกำนัลให้กับเสือโคร่ง
ฝ่ายเจ้าจิ้งจอกก็จะสร้างถนน กลัวว่าเสียงเครื่องจักรกลจะไปรบกวนท่านเสือโคร่ง ก็รีบเอาน่องไก่ทอดไปมอบให้เสือโคร่งหนึ่งกล่อง
หมาขนทองจะต้องรักษาอาการป่วยของลูกน้อย จะต้องเดินผ่านหน้าบ้านท่านเสือโคร่ง ก็จำเป็นต้องแบกเหล้าไปคารวะท่านเสือโคร่ง “ท่านหัวหน้า นี่เป็นเหล้ามีชื่อ ขอเชิญท่านดื่มตามสบาย”
เจ้าหนูลายจุด นบนอบท่านเสือโคร่งมากกว่าใครๆ นำเอาน้ำมันงามาวางไว้ที่โต๊ะในบ้านท่านเสือโคร่ง วันรุ่งขึ้นก็เอาเนื้อที่ขโมยมาได้ เอามาแขวนไว้ที่หน้าประตูบ้านท่านเสือโคร่ง แต่ท่านเสือโคร่งกลับบอกว่า “คราวหน้าเอามาให้มากกว่านี้หน่อย แค่นี้ยังไม่พอจะจิ้มฟันเลย”
มีเพียงแม่ไก่ตัวเดียวที่ไม่เชื่อฟังท่านเสือโคร่ง แม่ไก่พูดว่า “ฉันจะจัดการกับเจ้าเสือโคร่งตัวนี้เอง”
มีอยู่วันหนึ่ง แม่ไก่หอบเอาไข่ไก่มาห้าฟองไปที่บ้านเสือโคร่ง “ท่านเสือที่เคารพ นี่เป็นไข่ไก่สดตะกร้าหนึ่งเอามาให้ท่านกินบำรุงร่างกาย”
เสือโคร่งแยกเขี้ยว ไม่ยอมแม้แต่จะลืมตาขึ้นมาดู “เอ้อ ๆ วางไว้นั่นแหละ”
หลังจากที่แม่ไก่กลับไป เสือโคร่งก็กินไข่ไก่เข้าไปจนหมด แม้แต่เปลือกก็ยังไม่ปอกเลย
ผ่านไปไม่กี่วัน ท่านเสือโคร่งก็ได้ยินเสียงไก่ขันในท้องของตัวเอง “เอ้ก อี เอ้ก ๆ ๆ ” เป็นเสียงไก่โต้งขันเสียงดัง ต่อมาเสียงนั้นยิ่งดังขึ้นๆ ยิ่งไปกว่านั้น ยังดังไม่หยุดทั้งกลางวันกลางคืน “เอ้ก อี เอ้ก ๆ ๆ ”
เรื่องนี้สร้างความรำคาญใจให้กับท่านเสือโคร่งเป็นอย่างมาก วันๆก็เอาแต่ตะปบท้องตัวเอง กรงเล็บคมๆ ทำเอาขนตรงท้องร่วงจนหมดเกลี้ยง เลือดไหลซิบๆ แต่ท้องของเสือโคร่งก็ยังขัน “เอ้ก อี เอ้ก ๆ ๆ ” ไม่หยุด
ตอนนี้ไม่มีใครเอาสิ่งของไปมอบให้เสือโคร่งอีกแล้ว ผ่านมาสามวัน เสือโคร่งหิวจนตาลาย ผ่านไปอีกสามวัน เสือโคร่งเดินโซซัดโซเซออกมาข้างนอก ผ่านไปอีกสามวัน เสือโคร่งหมดแรงหมอบอยู่ที่พื้น แม้แต่จะพูดก็ยังไม่มีแรง
ที่แท้ ในไข่ที่แม่ไก่เอามาให้เสือโคร่งนั้น มีไข่ของเล่นซ่อนอยู่ ไข่ใบนี้เข้าไปอยู่ในท้องของเสือโคร่ง แล้วก็ฟักออกมาเป็นตัว ในท้องของไก่ที่อยู่ในท้องเสือมีถ่านไฟแรงสูงซ่อนอยู่ ก็เลยขันไม่หยุดนั่นเอง
เหล่าสัตว์เห็นเสือโคร่งนอนพงาบๆ ไม่มีแรงต่อสู้ใดๆ ก็พากันมัดเจ้าเสือโคร่งเอาไว้ สัตว์ทั้งหลายลงความเป็นว่า “ฆ่ามันให้ตายเลย ๆ ”
ช้างงวงยาวบอกว่า “ไม่ เราเอามันไปให้กับมนุษย์ดีกว่า เอาไปไว้ในสวนสัตว์” ดังนั้น หมีสองตัว ก็พากันเอาไม้ท่อนใหญ่ท่อนหนึ่ง หามเสือโคร่ง “ฮุย เล ฮุย” หามเอาไปไว้ในสวนสัตว์ จากนั้นเป็นต้นมา ในกรงเหล็กของสวนสัตว์ก็มีเสือโคร่งประหลาด คำรามเสียงดัง “เอ้ก อี เอ้ก เอ้ก อี เอ้ก ”
老虎是动物之王。他说:”我也要像人一样,有个’长’字。”他想了想又说,”
对了,就叫动物部的部长吧, 虎部长脾气大,稍不高兴就欺侮别的动物。害怕他的动物隔三岔五得给他送点儿东西,讨他喜欢。
小熊要占地盖房,不情愿地给虎部长送去两罐蜂蜜;
狐狸要修路,怕机器声吵着虎部长,急忙给虎部长送去一箱田鸡腿;
大黄狗要给小黄狗治病,得从虎部长门前过,只好背着一坛酒去孝敬虎部长:”虎部长,这是名酒,您慢慢喝。”
小不点老鼠最虔诚,今天提着一瓶偷来的香油搁在虎部长家的桌上,明天扛着一块盗来的肉挂在虎部长家的门上。可虎部长却说:”多弄点儿,还不够塞牙缝的!”
只有老母鸡不信这个邪,她说:”让我来治治大老虎。”
有一天,老母鸡背了五个鸡蛋来到虎部长家门前:”尊敬的部长先生,这是一篮新鲜鸡蛋,您拿去补一补身体吧!”
虎部长剔着牙,连眼皮也不抬:”喂,放下吧!”
老母鸡走了以后,虎部长把五个鸡蛋,连皮带壳画囵吞了下去。
过了几天,虎部长听到自己肚于里有鸡在叫:”喔喔喔一一”呀,是公鸡打鸣儿的声音,后来,这种声音越来越大,而且,是早晚不怀地打啤儿:”喔喔喔一-,喔喔喔——”
这一下,可把虎部长弄得烦透了,他不停地抓挠自己的肚皮,毛都抓没了,肚皮都抓流了血,可吐子里照样”喔喔喔——”
这一下,动物们可不怕虎部长了,他们只要行列,”喔喔喔”的叫声,就都躲起来。
谁也不给虎部长送东西吃了。过了三天,虎部长饿得头昏眼花;又过了三天,虎部长走路四条腿拌开了蒜;再过三天,虎部长干脆趴在地上,连说话的力气也没有了,
原来,老母鸡送的鸡蛋中,有一个玩具鸡下的蛋,这个蛋在虎部长肚子里又孵出一只玩具鸡,这只鸡肚子里有一节高能电池,自然就不停地打鸣儿了。
动物们见虎部长一点儿抵抗能力也没有了,就结结实实地把他捆了起来。许多动物说:”打死他!打死他!”
大象说:”不,咱们把他送给人类,放到动物园去展览!”于是,两只大狗熊,用一根粗树枝,”嗬唷,嗬唷,地抬着虎部长奔动物园去了。从此,动物园的铁笼子里,就多了一只会打鸣儿的大老虎。
ผู้เขียน Yi Ming(ไม่ปรากฏนามผู้แต่ง)
แปลและเรียบเรียง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เมชฌ สอดส่องกฤษ

กะหล่ำปลีพูดได้ 会说话的卷心菜

คุณย่าหมีเก็บกะหล่ำปลีมาจากในทุ่ง
ในมือของคุณย่าก็ถือมีดหนึ่งเล่ม กำลังจะหั่นกะหล่ำปลี ก็ได้ยินเสียงอ๊อด แอ๊ดๆ ๆ ดังมาจากกะหล่ำปลี
เสียงพูดของกะหล่ำปลีทำเอาคุณย่าตกใจด้วยความสงสัย เอ๊ะ ทำไมมีเสียงออกมาจากกะหล่ำปลีได้นะ หูฝาดไปหรือเปล่า คุณย่าลองตั้งใจฟังอีกครั้งชัดๆ ก็ได้ยิน เสียงกะหล่ำปลีกำลังพูดเสียง อ๊อด แอ๊ด ๆ ๆ อยู่จริงๆด้วย
คุณย่าหมีตะโกนด้วยความตกใจ “โอ้…พระเจ้า กะหล่ำปลีกำลังพูดอยู่กับตัวเอง”
คุณย่าหมีเอียงหูฟังอยู่นาน แต่ก็ไม่รู้ว่ากำหล่ำปลีพูดอะไร
คุณย่าหมีวิ่งออกไปนอกบ้าน ไปเรียกคุณฮิบโปมา
คุณฮิบโปมาถึงก็ยกหูขึ้นฟังอยู่นาน ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ากะหล่ำปลีพูดอะไร
คุณย่าหมีก็รีบวิ่งไปเรียกคุณกระต่ายมาฟัง
คุณกระต่ายมาถึงก็ยกหูตั้งขึ้นฟังอยู่นาน แล้วก็พูดว่า “คุณกะหล่ำปลีจะต้องพูดภาษาต่างประเทศแน่ๆเลย แต่ฉันไม่เคยเรียนภาษานี้มาก่อน”
เวลานั้นเอง มีคุณป้ากบกระโดดผ่านมา ก็เข้ามาฟังด้วยความอยากรู้อยากเห็น ทันใดนั้น คุณป้ากบก็ตะโกนร้องเสียงแหลม
“อ้อ ลูกรักของแม่ ลูกที่น่าสงสารของแม่”
ทำเอาคุณกระต่ายตกตะลึงด้วยความงุนงง รีบร้องถามว่า “ผักกะหล่ำปลีของคุณย่าหมี ทำไมกลายไปเป็นลูกรักของคุณป้าได้ล่ะ คุณป้าฟังภาษาต่างประเทศที่ดังออกมาจากข้างในได้ด้วยเหรอ”
คุณป้ากบบอกว่า “ภาษาต่างประเทศอะไรกัน กะหล่ำปลีที่ไหนจะพูดได้”
คุณฮิปโปสวนขึ้นมาทันที “อะไรนะ คุณป้าว่ากะหล่ำปลีพูดไม่ได้อย่างนั้นรึ”
“ไม่ใช่อย่างนั้น” คุณป้ากบรีบตอบว่า “ลูกของฉันอยู่ในกะหล่ำปลีนี่ไงล่ะ ลูกฉันหายออกจากบ้านไปตั้งสองเดือนแล้ว ตอนนั้นเพิ่งจะเปลี่ยนจากลูกอ๊อดมาเป็นกบได้ไม่นาน ยังไม่ทันได้เรียนพูดอะไรเลย ก็ได้แต่ร้องอ๊อด ๆ ๆ ”
คุณย่าหมีได้ฟังดังนั้นก็ถึงกับตกใจ รีบวางมีดลง แล้วก็บิกะหล่ำปลีออกทีละใบๆ
กะหล่ำปลีค่อยๆเล็กลงๆ จนในที่สุด ในใจกลางของกะหล่ำปลีก็เห็นกบน้อยๆตัวหนึ่ง ร้องเสียงดังอ๊อดแอ๊ด ๆ อยู่ข้างใน ที่แท้ มีอยู่วันหนึ่ง ลูกกบน้อยนอนหลับอยู่ในกะหล่ำปลีหัวเล็ก ๆ หลับไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ จนถูกกะหล่ำปลีห่อไว้ทั้งตัว นานถึงสองเดือนเลยเชียว
เพื่อเป็นการฉลองให้กับคุณป้ากบที่ตามหาลูกเจอ ก็รีบเอากะหล่ำปลีไปตุ๋นมาหนึ่งหม้อ ให้กับคุณป้ากบและลูกกิน น้องกบดื่มซุบกะหล่ำปลีเสร็จก็ได้แต่ร้อง อ๊อดแอ๊ด ๆ คุณป้ากบพูดกับคุณย่าหมีว่า “ลูกกบของฉันชมว่าซุบกะหล่ำปลีของคุณย่าหมีอร่อยมาก คุณย่าหมี ขอบคุณมากๆนะคะ”
จากนั้นคุณป้ากบก็พาลูกน้อยกลับบ้านด้วยความดีใจ
แล้วคุณย่าหมีล่ะ จากนั้นเป็นต้นมา ทุกครั้งที่จะหั่นกะหล่ำปลี ก็จะเอามาเคาะดูสองสามครั้ง แล้วก็ลองฟังข้างในดู เพราะคุณย่าหมีเกรงว่าจะมีกะหล่ำปลีพูดได้อีกไหมหนอ
熊奶奶从地里摘来一棵卷心莱。
熊奶奶手拿莱刀,刚想把刀切下去,只听到卷心菜发出叽叽咕咕的声音。
熊奶奶吓了一跳,卷心莱怎么会有声音?是自己耳朵出毛病了?她再仔细听,卷心菜真的在叽叽咕咕说着话。
熊奶奶喊了起来:”天哪,卷心莱在自言自语呢!”
她侧着耳朵听了半天,也不知道卷心莱在说些什么。
她跑出门外,喊来了河马先生。
河马先生竖起耳朵听了半天,也不知道卷心菜在说些什么。
熊奶奶又去找来了兔子先生。
兔子先生竖起一对长耳朵听了半天,他说:”卷心菜先生一定说的是外语,我没学过。”
这时,有位青蛙大婶走过这里,也来好奇地听听,突然,青蛙大蜂尖叫起来:
“哦,我的宝贝,我的可怜的宝贝。”
兔子先生闹不明白,忙问:”熊奶奶的卷心菜,怎么成了你的宝贝?你听懂里面说的外国话了吗?”
青蛙大婶说:”什么外国话,他根本不会说话。”
河马先生说:”什么?你说卷心菜不会说话?,
“不是的。”青蛙大蜂说:”这卷心菜里而是我的小宝贝,他失踪两个月了,那时候,刚从小蝌蚪变成小青蛙,只会叽叽咕咕叫,还没学会说话。,’
熊奶奶一听可着急了,她赶快放下菜刀,用手把卷心菜叶子一瓣一瓣剥下来。
卷心菜越来越小,越来越小。最后,从菜心里发现一个小青蛙,正在叽叽咕咕地叫着呢。原来,有一天,小青蛙在卷心菜的菜心里睡觉,睡啊睡啊,就让卷心菜给包了起来,一包就包了两个月。
熊奶奶为了庆祝青蛙大婶找到了自己的小宝贝,赶紧用卷心菜熬了一锅汤,请青蛙大婶和她的儿子吃。小青蛙喝完汤,叽叽咕咕地叫着。青蛙大婶说:”我的小宝贝在称赞熊奶奶做的卷心菜汤真好吃呢!熊奶奶,谢谢你了。”
青蛙大婶高高兴兴地领着儿子回家了。
熊奶奶呢,从这以后,每逢切卷心菜,总要先拍打几下,再用耳朵听听,她想会不会有会讲话的卷心菜……
ผู้เขียน Yi Ming(ไม่ปรากฏนามผู้แต่ง)
แปลและเรียบเรียง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เมชฌ สอดส่องกฤษ

ซีเหมินป้าขจัดความงมงาย

ตามตำนานซีเหมินป้าเป็นขุนนางและวิศวกรชลประทานของแคว้นเว่ยในยุคจั้นกว๋อ
ราวศตวรรษที่ 5 ก่อนคริสตกาล เขาได้รับมอบหมายให้ไปดูแลอำเภอแห่งหนึ่ง ซึ่งมีปัญหาน้ำท่วมบ่อย
เมื่อซีเหมินป้าถึงเมืองจึงเรียกพวกผู้ใหญ่บ้านมาสอบถามว่าได้รับความเดือดร้อนอย่างไรบ้าง ปรากฏว่าสิ่งที่พวกผู้ใหญ่บ้านกลัวกลับมิใช่ภัยน้ำ แต่เป็นหมอผีกลุ่มหนึ่งซึ่งบังคับให้ชาวเมืองส่งหญิงงามไปโยนทิ้งแม่น้ำหวางเหอเพื่อสังเวยแก่เทพเจ้าแห่งท้องทะเล ป้องกันการเกิดอุทกภัย
หมอผีเหล่านี้ยังขูดรีดภาษีจนชาวบ้านได้รับความเดือดร้อน แต่ต้องยอมทำตามเพราะกลัวน้ำท่วม
ซีเหมินป้าฟังแล้วไม่พูดอะไร พวกผู้ใหญ่บ้านจึงคิดว่าขุนนางคนนี้คงไม่กล้าวัดกำลังกับพวกหมอผี เหมือนขุนนางคนอื่นๆที่ผ่านมา
ครั้นถึงวันสังเวยหญิงสาว ทุกคนกลับต้องแปลกใจเมื่อเห็นซีเหมินป้าพาทหารมาร่วมงานพิธีด้วย
ขุนนางแห่งเว่ยเดินไปดูหน้าหญิงสาวที่จะถูกสังเวยแล้วบอกว่า “ผู้หญิงคนนี้ไม่สวยพอ ส่งไปก็เกรงว่าจะทำให้เทพเจ้าโกรธ อย่ากระนั้นเลย เราจะส่งท่านหัวหน้าหมอผีไปเจรจาขอให้เทพเจ้ารออีกสักหน่อย เพื่อมีเวลาหาผู้หญิงที่สวยขึ้น”
จากนั้นเหล่าทหารก็จับหัวหน้าหมอผีโยนลงแม่น้ำอันเชี่ยวกรากท่ามกลางความตกใจของทุกคน
พวกหมอผีพากันแตกตื่นรวนเร แต่ไม่กล้าทำอะไรเพราะหัวหน้าใหญ่ถูกกำจัดไปแล้ว
ซีเหมินป้ารอสักพักก็บอกว่า “ท่านหัวหน้าหมอผีชราแล้ว เวลาเดินทางจึงงกๆเงิ่นๆไม่กลับจากส่งข่าวเสียที อย่ากระนั้นเลยเราจะส่งท่านผู้ช่วยลงตามไปด้วย” จากนั้นเขาให้ทหารจับผู้ช่วยหัวหน้าหมอผีโยนแม่น้ำไปอีกหลายคน
คราวนี้กลุ่มหมอผีตกใจอย่างหนัก พากันก้มกราบซีเหมินป้า บอกว่าพวกตนผิดไปแล้ว อย่าจับพวกตนโยนลงไปเลย เทพเจ้าแม่น้ำไม่มีจริงหรอก
ประชาชนที่มุงดูอยู่โดยรอบถูกพวกหมอผีกดขี่มานานก็พากันโห่ร้องด้วยความสะใจ
ในลักษณะนี้ซีเหมินป้าจึงสามารถกำจัดประเพณีงมงายที่ทำลายชีวิตหญิงสาวไปมากมาย และใช้การชลประทานขจัดภัยน้ำท่วมอย่างจริงจัง
ด้วยผลงานดังกล่าวทำให้มีคนรักซีเหมินป้ามาก จึงมีการแต่งเพลงสรรเสริญเขา ขับร้องเล่าเรื่องราวนี้มาจนปัจจุบัน
Facebook : พงศ์ศรณ์ ภูมิวัฒน์ – เชษฐา

ตัวหนังสือบนแผ่นกระดาษ 纸片上的字

กระต่ายขาวตัวน้อยวิ่งเล่นอยู่ในป่า เก็บกระดาษได้แผ่นหนึ่ง บนกระดาษเขียนตัวหนังสือไว้สี่ตัวว่า “หมาป่าหนึ่งตัว ” กระต่ายน้อยเห็นแล้วก็ตกใจกลัวจนตัวสั่น วิ่งอย่างไม่คิดชีวิต กลับไปบอกแม่ที่บ้าน “แม่ แม่ แม่ ในป่ามีหมาป่าตัวหนึ่ง แม่ดูนี่สิ”
แม่กระต่ายพอได้ดูกระดาษแผ่นนั้นก็ตกใจกลัว นี่มันเรื่องใหญ่แล้วนะเนี่ย รีบวิ่งไปบอกเพื่อนบ้านทั้งหลาย
ชั่วอึดใจ ทั้งกระต่ายผู้ใหญ่บ้าน และเพื่อนพ้องพี่น้องกระต่ายทั้งหลายต่างพากันมาดูกระดาษแผ่นนั้น ก็ตกใจกันร้องไห้กันใหญ่
“โถ โถ ลูกกระต่ายน้อยของฉันเพิ่งเกิดมาได้ไม่กี่วัน แล้วจะทำยังไงดีล่ะเนี่ย” เสียงกระต่ายแม่ลูกอ่อนโอดครวญ
“โธ่เอ๋ย ฉันขาหัก วิ่งได้ไม่เร็ว ทำยังไงดีหนอ”
เมื่อกระต่ายผู้ใหญ่บ้านมาถึง ก็หยิบกระดาษนั้นไปดูอย่างละเอียด แล้วพูดว่า “ไม่ต้องกลัว ๆ นี่เป็นกระดาษแค่ครึ่งแผ่นเอง อีกครึ่งแผ่นเขียนว่ายังไงก็ยังไม่รู้เลย”
“เจ้ากระต่ายน้อย กระดาษแผ่นนี้ เจ้าเก็บมาจากไหนรึ”
“ในป่าโน่นน่ะครับ”
“เราไปดูด้วยกันเถอะ”
ว่าแล้ว เจ้ากระต่ายน้อยก็เดินนำหน้าพากระต่ายผู้ใหญ่บ้านและพี่น้องกระต่ายทั้งหลายไปในป่า กระต่ายผู้ใหญ่บ้านพูดว่า “พวกเราช่วยกันหาดูซิ ที่นี่ต้องมีกระดาษเศษอีกครึ่งแน่ๆ ”
พวกกระต่ายหาไป หาไป กระต่ายสายตาหลักแหลมตัวหนึ่งก็หาเจอ กระดาษใบนั้นเขียนตัวหนังสือสองตัว “มาแล้ว”
พอเอากระดาษสองแผ่นมาต่อกัน พวกกระต่ายก็ต้องตกใจกันอีกครั้ง “หา….หมาป่าตัวหนึ่งมาแล้ว” รีบหนีเร็ว หมาป่ามาแล้ว รีบวิ่งเร็ว กระต่ายที่แข็งแรงก็หนีไปได้ ตัวที่วิ่งช้าและก็ตัวที่ขาเป๋ก็ได้แต่ร้องโฮ ๆ หมาป่ามาแล้ว ฉันวิ่งไม่ไหวแล้ว ทำไงกันดี ทำไงกันดี
กระต่ายผู้ใหญ่บ้านก็หมดปัญญา เพราะบนกระดาษก็เขียนไว้ชัดเจนแล้ว
กระรอกน้อยตัวหนึ่งได้ยินเสียงร้องของบรรดากระต่ายก็ออกมาถามว่า “พวกเจ้าร้องทำไมกัน”
“กระต่ายผู้ใหญ่บ้านบอกว่า “หมาป่ามาแล้ว พวกเราต้องโชคร้ายแน่ๆเลย เจ้าดูกระดาษนี่สิ” กระรอกหยิบกระดาษไปดูแล้วก็บอกว่า “กระดาษนี้ยังมีอีก ท่านดูนี่สิ ตรงนี้ยังมีรอยขาดอีกที่หนึ่ง ลองหาดูดีๆอีกซิ จะต้องมีเศษกระดาษอีกแผ่นแน่ๆเลย”
กระต่ายผู้ใหญ่บ้านหยิบมาดูก็เข้าใจ แล้วก็รีบบอกให้พวกกระต่ายช่วยกันหาเศษกระดาษที่ขาดไป แต่หายังไงก็หาไม่เจอ
ยีราฟผ่านมาเห็นเข้าก็ถามว่า “กระต่ายเอ๋ย พวกเจ้าหาอะไรกันอยู่น่ะ ”
กระต่ายตอบว่า “เรากำลังหาเศษกระดาษอยู่”
ยีราฟคอยาวก็มองไปรอบๆ แล้วก็บอกว่า “นั่นไงบนกิ่งไม้นั่นยังมีเศษกระดาษอยู่แผ่นหนึ่ง”
กระต่ายพากันแหงนหน้ามอง อ้อ มีเศษกระดาษติดอยู่ข้างบนนั้นจริงๆ แล้วยังปลิวไปปลิวมาอีกต่างหาก ที่แท้พวกมันพากันหาอยู่แต่บนพื้น
เจ้ายีราฟคอยาวก็ช่วยคาบกระดาษนั้นลงมาจากกิ่งไม้ โอ้…นี่แหละเป็นกระดาษที่ต่อกันทั้งแผ่น เอามาต่อกันก็เป็นข้อความว่า “หมาป่ามาแล้ว แต่ถูกฉันยิงตายแล้ว ทุกคนไม่ต้องกลัว” ข้างล่างยังลงชื่อเอาไว้ด้วยว่า “นายพรานมือฉมัง”
อืม ที่แท้เจ้าหมาป่าก็ตายแล้วนี่เอง พวกกระต่ายก็กลับมาวิ่งเล่นร่าเริงเหมือนเดิม พวกกระต่ายที่วิ่งหนีไปก็วิ่งกลับมา แน่นอน พวกมันก็ไม่ลืมที่จะชวนกระรอกน้อยและก็ยีราฟคอยาวมาเล่นด้วยกัน
小白兔在树林里玩,拾到-张纸片,纸片上写着四个字:一条老狼。小白兔吓得直哆嗦。它拼命跑回家告评妈妈:”妈妈妈妈,树林里有一条老狼,你看你看!”
白兔妈妈看了纸片,也吓坏了:这可是大事,快告诉兔子村所有的伙伴。
不一会儿,兔子村的伙伴们都来看这张纸片,许多兔子吓得哭起来。
“哎呀,我的兔宝宝生下来才两天呀,这可怎么办呀?”
“哎呀,我的腿跛了,跑不快,这可怎么办呀?”
村长老灰兔来了,它仔细看了看纸片说:”别怕别怕,这是半张纸片,另外半张上写的什么还不知道呢。小白兔,这张纸片是从哪儿捡的?”
“小树林里。”
“我们一起去看看吧。”,
小白兔领着村长老灰兔和许多兔子来到小树林。村长老灰兔说:”大家找找看,这儿肯定还有纸片。”
大家找呀找,一只小白兔眼尖,找到了另一张纸片,纸片上写着”来了”两个字。
两张纸片合在一起,大家吓坏了。啊,一条老狼来了,快跑呀!一条老狼来了,快跑呀!腿快的逃了,跑得慢的和腔了腿的兔子们哇哇大哭:”一条老狼来了,我跑不动,怎么办呀?怎么办呀?”
村长老灰兔拿不定主意了,因为这句话已经写得很明白了。
一只小松鼠听见哭声问:”你们哭什么呀?”
村长老灰兔说:”一条老狼来了,我们要倒霉了,你瞧这纸片。”
小松鼠看了看纸片说:”这纸片还没完整,你瞧,这儿还有撕的印儿,再找找看,一定还有其他碎纸片。”
灰兔村长仔细看了看,明白了,连忙叫兔子们一起找。可找了好久没找到。长颈鹿来了,说:”你们找什么呀?”
“我们找碎纸片。”
长颈鹿四面瞧瞧,说:”瞧,那树枝上有一张碎纸灯。”
兔子们抬头一瞧,果然不远的树枝上有一张碎纸片,还一掀一掀的呢。原来它们光顾找地上了。
长颈鹿衔来了纸片,村长老灰兔把三张碎纸片合一起,啊,这才是一张完整的纸片呢。纸上写着:”一条老狼来了,可是被我打死了,大家别害怕。”下面署名是”神枪小猎人”。
啊,原来老狼已经死了。兔子们快活得做起游戏来,那些逃走的兔子也回来了。当然,它们还邀请了小松鼠和长颈鹿。
ผู้เขียน Yi Ming(ไม่ปรากฏนามผู้แต่ง)
แปลและเรียบเรียง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เมชฌ สอดส่องกฤษ

กระต่ายตัวจริงตัวปลอม 真假小白兔

กระต่ายน้อยเป็นเถ้าแก่แล้ว มันเปิดร้านขายหัวผักกาด แต่เจ้าสุนัขจิ้งจอกก็เกิดความอิจฉาอย่างมาก “ ฮึ่ม! ฉันจะแปลงร่างเป็นกระต่าย” ว่าแล้วมันก็ร่ายเวทย์มนตร์ “โอม หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า หก เพี้ยง! ” สุนัขจิ้งจอกก็แปลงร่างเป็นกระต่ายน้อยสีขาวปุกปุย
รุ่งเช้า กระต่ายขาวตัวหนึ่งกระโดดโลดเต้นมาถึงที่ร้าน พอกระต่ายลูกน้องขนเทาเห็นเข้าก็ถึงกับตกตะลึง เมื่อตะกี้เถ้าแก่กระต่ายขาวเพิ่งจะเข้าไป ทำไมถึงมีเถ้าแก่กระต่ายขาวมาอีกตัวล่ะเนี่ย
พอเถ้าแก่กระต่ายขาวที่อยู่ในร้านเดินออกมาดู ก็อุทานด้วยความตกใจ “เจ้าคือ…..”
กระต่ายขาวที่อยู่ข้างนอกก็ตะโกนร้องเหมือนกัน “ฉันเป็นเถ้าแก่ร้านนี้ แล้วเจ้าล่ะเป็นใคร”
“ก็เห็นกันอยู่ว่าฉันเป็นเถ้าแก่ แกนั่นแหละเป็นใคร ”
กระต่ายขาวทั้งสองตัวก็เถียงกันยกใหญ่ พวกกระต่ายเทาลูกน้องก็พากันเดินมาดู
ดูซ้ายที ดูขวาที แยกไม่ออกเลยจริงๆว่าตัวไหนเป็นเถ้าแก่
ผู้พิพากษาหมีใหญ่เดินมาถึง ก็เลยเอาหญ้ามัดหนึ่งวางไว้หน้ากระต่ายทั้งสอง พวกมันก็รีบกินหญ้าจนหมด ผู้พิพากษาหมีใหญ่ก็เอาเนื้อวางไว้ที่หน้าพวกมันทั้งสองอีก คราวนี้กระต่ายทั้งสองขมวดคิ้วบอกว่า “ไม่เอา ไม่กิน” ผู้พิพากษาหมีใหญ่ก็เดินดูกระต่ายทั้งสอง ดูแล้วดูอีก ก็เกาหัว ทำไมถึงแยกไม่ออกเลยล่ะ ว่าตัวไหนตัวจริง ตัวไหนตัวปลอม แล้วจะทำยังไงดีล่ะเนี่ย
พอแม่กระต่ายมาถึง กระต่ายขาวทั้งสองก็วิ่งไปเรียกแม่ แล้วก็ยื้อแย่งกันบอกแม่ว่า หนูเป็นลูกแม่นะ หนูเป็นลูกแม่จริงๆ
แม่กระต่ายก็ดูตัวหนึ่ง แล้วก็ดูอีกตัวหนึ่ง ก็ส่ายหัว เอ๊ะ! แปลกจัง อ้อ!ลูกกระต่ายน้อยของฉันมีรอยแผลเป็นที่หางด้วยล่ะ
พอไปตรวจดูอย่างละเอียดอีกที กระต่ายทั้งสองก็มีรอยแผลเป็นเหมือนกันทั้งคู่ แย่ล่ะคราวนี้ แม่กระต่ายคิดไปคิดมา โอ้ย! ทันใดนั้นแม่กระต่ายก็เอามือกุมท้อง โอ๊ยๆ ๆ ปวดท้องจังเลย โอ้ย ๆ
แม่กระต่ายปวดท้องจนตัวงอ
“แม่จ๋า แม่เป็นอะไรเหรอ กระต่ายขาวตัวจริงน้ำตาไหลพรากประคองแม่ขึ้นมา แล้วก็เรียกให้คนช่วย รีบเรียกรถพยาบาลเร็วเข้า เร็วๆเข้า ”
กระต่ายขาวตัวปลอม ปากก็ร้องเรียก แม่จ๋า แม่จ๋า แต่เสียงร้องก็ไม่ได้ตกอกตกใจอะไร
ทันใดนั้น แม่กระต่ายก็ลุกขึ้นยืน แล้วก็กอดลูกระต่ายตัวจริงเอาไว้ บอกว่า “ฉันแยกออกแล้ว เจ้านี่แหละที่เป็นลูกของแม่ เป็นลูกกระต่ายขาวของแม่จริงๆ”
ลูกกระต่ายตัวจริงก็หัวเราะออกมา ในที่สุด แม่ก็ดูออกแล้วว่าหนูเป็นลูกของแม่ตัวจริง
กระต่ายขาวตัวปลอมพอเห็นว่าแม่กระต่ายดีขึ้นเหมือนไม่ได้เป็นอะไร ก็ถึงกับตกตะลึง จึงรู้ว่าตัวเองโดนหลอก ก็เลยส่ายหัว แปลงกลับร่างเดิมเป็นสุนัขจิ้งจอกเดินหนีไป
ผู้พิพากษาหมีใหญ่ก็หัวเราะขึ้นมา “แม่กระต่าย เจ้านี่ฉลาดเหลือเกินนะ”
แม่กระต่ายหัวเราะชอบใจ ลูกกระต่ายขาวก็หัวเราะอย่างมีความสุข
小白兔当了萝卜店的经理。小狐狸很羡慕:”哼,我要变成小白兔!”于是, 他念起咒语:”一二三四五六,狐狸变成小白兔。”嘿!小狐狸变成了一只小白兔了。
早晨,一只小白兔一蹦一跳来到萝卜店。店里的小灰兔一见,惊叫起来:”咦?小白兔经理刚进去,怎么又来了一个小白兔经理呢?”
里面的小白兔走出来一瞧,大叫:”你是……”
外面的小白兔也大叫:”我是这里的经理,你是谁?”
“明明我是经理,你是谁?”
两只小白兔吵起来。小灰兔们左看看右看看,全愣住了,实在分不出谁是真的小白兔经理。
熊法宫来了,先在他俩面前放两捆青草,两只小白兔很快吃完了青草。熊法官又在他们面前放了两块肉,两只小白兔都皱着眉头:”不吃不吃!”熊法宫看看这个,又看看那个,怎么也看不出真假,急得直搔头:这可怎么办?
兔妈妈来了,两只小白兔一齐叫:”妈妈,我是你的孩子。”
兔妈妈看看这个,又看看那个,摇摇头:”咦,真怪!唔,我的孩子尾巴上有个伤疤。”
可仔细一看,两只小白兔尾巴上都有伤疤。这可怪了!兔妈妈想了想,忽然捂着肚子叫起来:”哎哟,哎哟,我的肚子疼!哎哟,哎哟!”兔妈妈疼得弯下了腰。
“妈妈,你怎么啦?”一只小白兔眼泪都流出来了,扑上来扶着兔妈妈,一边大叫:”快,快去叫救护车,快!快!”
另一只小白兔虽然也在叫”妈妈妈妈”,声音却一点不急。
兔妈妈猛然站起来,一把抱住扑上来的小白兔,说:”我分出来了,你才是我的孩子——真正的小白兔!”
小白兔笑了:”妈妈,你到底认出自己的孩子了!”
另一只小白兔见兔妈妈忽然好了,愣了一愣,才明白自己上了当。只好摇身一变,变成狐狸溜走了。
熊法官笑了:”兔妈妈,你真聪明!”
兔妈妈笑了,小白兔也笑了。
ผู้เขียน Yi Ming(ไม่ปรากฏนามผู้แต่ง)
แปลและเรียบเรียง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เมชฌ สอดส่องกฤษ

ต้นหงซานที่ปลูกไม่โต 长不大的红衫树

ผลของต้นหงซานลูกหนึ่งพูดกับแม่ว่า “แม่ครับ ผมสุกแล้ว ให้คุณลุงลมพาผมไปฝังรากลงที่ไกลๆเถอะนะครับ”
“ไม่ได้หรอกลูก ถ้าลูกอยู่ไกลการดูแลของแม่ อยู่ไกลการคุ้มครองของคุณอาคุณน้า หนูก็จะเจริญเติบโตได้ไม่ดีนะจ๊ะ ยังไงก็อยู่ข้างๆแม่นี่แหละดีแล้วลูก” ลูกหงซานเถียงสู้แม่ไม่ได้ ก็ทำได้เพียงปักรากลงโคลนเลนที่ใต้ฝ่าเท้าของแม่นั่นเอง แต่พี่น้องคนอื่นๆ ลอยไปกับลุงลมไปตกดินงอก รากอยู่ ณ ที่ห่างไกล
เมื่อฤดูใบไม้ผลิมาถึง ลูกหงซานลูกนี้ก็แทงหน่องอกขึ้นมาจากพื้นดิน เห็นแม่ที่ลำต้นสูงใหญ่ เห็นลุงป้าน้าอาที่มีกิ่งก้านใหญ่โต ก็รู้สึกปลอดภัย ไม่ว่าจะลมแรงกระหน่ำพัดเท่าใด มีคุณลุงคุณอาเป็นเกราะกำบัง เจ้าหงซานน้อยก็ปลอดภัยไร้อันตรายใดๆ ถึงคราฝนกระหน่ำ แม่ก็คอยเป็นร่มคันใหญ่กางปกป้องอยู่ตลอดเวลา ต้นหงซานน้อยก็เหมือนกับอยู่ในห้องนอนอันอบอุ่น เจ้าหงซานน้อยคิดในใจว่า ดีนะเนี่ยที่ฉันไม่ได้ลอยไปกับลุงลมไปเกิดที่อื่น ไม่งั้นฉันจะหลบฟ้าหลบฝนยังไงล่ะเนี่ย
แต่ทว่า เวลาที่เจ้าหงซานน้อยจะดูดอาหารจากในดิน สารอาหารทั้งหลายก็ถูกลุงป้าน้าอาดูดเอาไปจนหมดซะก่อน พอถึงคราจะรับลมรับฝนก็ถูกร่างกายของแม่บดบังมิด เป็นเช่นนี้ปีแล้วปีเล่า ตัวของเจ้าหงซานน้อยก็ยังคงเล็กอยู่อย่างนั้น กลายเป็นเด็กแคระที่เลี้ยงไม่โตเสียที เมื่อได้ยินลุงลมพูดว่า พี่ๆของแกที่ลอยไปฝังรากลงที่ไกลๆ ตอนนี้โตจนสูงเสียดฟ้าแล้ว เจ้าหงซานน้อยก็ได้แต่บ่นรำพึงรำพันว่า “วันๆนอนอยู่ในอ้อมกอดแม่ เลี้ยงยังไงก็ไม่โตหรอก”
一棵红杉树的种子对妈妈说:”妈妈,我已经成熟了,让风伯伯带我到远方去扎根吧。”
“不,孩子,你离开妈妈的照顾,离开周围叔叔伯伯们的保护,是长不好的,还是留在我身边吧。”这颗红杉树种子拗不过妈妈,只好扎进妈妈脚下的泥土里。这颗种子的兄弟姐妹都随风伯伯到远处的开阔地扎根落土了。
春天到了,这颗种子从泥土里钻出来,看看妈妈高大的身躯,再看周围叔叔伯伯们巨大的枝干,油然而生一种安全感。大风刮来,呼呼作响,有叔叔伯伯们的包围,他小红杉树安然无恙;暴雨如注,有妈妈做伞,小红杉树如在温室。小红杉树心想,幸亏我没随风伯伯到远处去落土,不然我该怎样抵挡风雨啊:
可是,当小红杉树要吸吮土壤中养分的时候,营养已被叔叔伯伯们吸走;他要迎接阳光雨露,却被妈妈的高大身躯遮住。这样,一年又一年地过去了,小红杉树还是那么小,他成了病弱极小长不大的小不点啦。当他听风伯伯说,那些在远方扎根的兄弟姐妹,都长成参天大树的时候,便深有感触地说:”整天躺在妈妈的怀里,是长不大的。”
ผู้เขียน Yi Ming(ไม่ปรากฏนามผู้แต่ง)
แปลและเรียบเรียง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เมชฌ สอดส่องกฤษ