พระจันทร์ตกปล่องเตาผิง 月亮掉进烟囱里

คืนหนึ่งในฤดูหนาว พระจันทร์ก็หนาวจนทนไม่ไหวเหมือนกัน ทันใดนั้นเอง พระจันทร์ก็มองเห็นปล่องไฟเตาผิงอยู่ไม่ไกลนัก “รีบไปผิงไฟที่นั่นดีกว่า” ครู่เดียวพระจันทร์ก็ลงมานั่งอยู่ที่ข้างๆกับปล่องไฟเตาผิง
แต่ว่า ตอนนี้ปล่องไฟไม่มีควันพ่นออกมาเสียแล้ว มีแต่ไออุ่นพุ่งออกมาไม่ขาด
พระจันทร์กอดเข้านั่งผิงไฟอยู่ข้างๆ หันซ้ายทีขวาที รู้สึกว่าอุ่นกว่าเมื่อตะกี้มากเลย
“ฉันเจอที่ที่แสนจะวิเศษเหลือเกิน” พระจันทร์ดีใจ แต่ไม่ทันระวังก็ตกลงไปในปล่องไฟนั่น ทำเอาคุณย่าที่นั่งผิงไฟอยู่ใจหายใจคว่ำ “โอ้..ไม่ใช่ลูกบอลหิมะตกลงมาเหรอเนี่ย อย่าทำให้ไฟฉันดับล่ะ ข้างนอกยิ่งหนาวๆอยู่ด้วย”
คุณย่าเติมฟืนเข้าไปในเตาผิง แล้วก็ลากพัดลมมาพัดอย่างแรง
“ฟู่ ๆ ๆ …”
ลมพัดไฟที่กำลังจะมอด ลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว มีประกายไฟ สะเก็ดไฟกระเด็นกระจุยกระจายไปตามแรงลม
พระจันทร์ยังไม่ทันได้รู้สึกตัวว่าเกิดอะไรขึ้น ก็ถูกลมร้อนพัดสูงขึ้น ๆ จนหลุดออกไปนอกปล่องไฟ
พระจันทร์ไม่ได้รับอันตรายอะไร แต่เขม่าควันดำๆนั่นทำเอาพระจันทร์เลอะไปทั่งตัว
โคลงเคลงๆ พระจันทร์ค่อยๆพาร่างกลมๆ ลอยขึ้น ๆ กลับไปอยู่ที่บ้านตามเดิม
冬天的夜晚,月亮也冷得受不了啦:突然,他看见不远的地方有个小烟囱。”快去那儿烤烤火吧!”月亮一下趴到小烟囱边上。
这会儿,小烟囱不冒烟了,只冒出暖暖的热气。
月亮鼓着圆圆的身子坐在烟囱边上,这边烤烤,那边烤烤。他觉得比刚才暖和多了。
“我找到了多么好的地方呀!”月亮正在得意,一不留神,掉进烟囱里,把烤火的老奶奶吓了一跳:”哟,该不是雪球掉下来了吧?可别把火压灭了,外面好冷呢!”
老奶奶往灶膛加了一把柴,接着拉起了小风箱。
“呼噜噜,呼噜噜……”
灶膛里吹起了好大的风,火苗儿、火星儿还有星星的烟都被吹了起来。
月亮还没弄明白是怎么回事,就被一股热气托着升呀,升呀,又跑到了烟囱外面。
月亮没有受伤,可那烟熏火燎的滋味儿也不好受呀!
咕噜噜,咕噜噜!月亮赶紧转着圆圆的身子回家去了。
ผู้เขียน Yi Ming(ไม่ปรากฏนามผู้แต่ง)
แปลและเรียบเรียง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เมชฌ สอดส่องกฤษ

แมวขโมยปลา 鱼猫

คุณอาเซ่อซ่าคนหนึ่งเป็นคนใจร้อน ทำงานอะไรก็รีบๆทำ เพียงแค่หนึ่งนาทีเขาสามารถล้างถ้วยได้ถึงสิบใบ จานอีกยี่สิบใบ หม้อสามใบเสร็จเรียบร้อย แต่เขาก็ยังบ่นว่าตัวเองยังคล่องแคล่วไม่พออีก
ต่อมาไม่กี่วัน คุณอาผู้เซ่อซ่ากลับจากทำงานที่ต่างจังหวัด พอเดินเข้าประตูบ้านมาปุ๊บ ก็ใจหายวาบ ตะเกียบในห้องครัวติดกันเป็นท่อน แถมยังมีใบไผ่งอกขึ้นมาอีก ถ้วยก็ล้างไม่สะอาด ข้าวที่ติดอยู่บนถ้วยเริ่มงอกออกมาแล้วเหมือนกัน บนจานยังมีเชื้อราสีเขียวๆ คุณอาเซ่อซ่าเคาะหัวตัวเอง “ฉันนี่ช่างซุ่มซ่ามเสียจริงๆเลย”
วันนี้ คุณอาเซ่อซ่ากลับมาจากตีเทนนิสก็ตรงรี่ไปอาบน้ำ แต่พอหมุนก๊อกก็พบว่าน้ำไม่ไหล เขาก็ได้แต่เอาผ้าเช็ดตัวลูบๆหน้าหน่อยก็เข้านอนทั้งเหงื่ออย่างนั้น ก๊อกน้ำในห้องครัวก็ยังเปิดอยู่
รุ่งเช้าวันต่อมา คุณอาเซ่อซ่าก็ตื่นขึ้นจะไปทำกับข้าวกินที่ห้องครัว แต่ห้องครัวไปไหนแล้วล่ะ ห้องครัวหายไป แต่ในสวนหลังบ้านมีบ่อน้ำขึ้นมาบ่อหนึ่ง ตรงกลางบ่อยังมีน้ำผุดๆ อยู่เลย เขาคิดในใจว่า “ไม่มีครัวแล้ว แต่ได้สระน้ำมาเพิ่มก็ไม่เลวนี่หว่า” คุณอาเซ่อซ่าชอบกินปลา ก็เลยไปเอาพันธุ์ปลามาปล่อยลงสระน้ำ แต่ก็กลัวมีคนมาขโมยปลา คุณอาเซ่อซ่าจึงไปเอาแมวตัวโตตัวหนึ่งมาจากบ้านญาติให้มาเฝ้าบ่อน้ำ
แมวตัวนี้ดุมาก พอเห็นใครเข้าใกล้บ่อน้ำก็โก่งหลังพองขนขู่ฟู่ๆ แม้แต่เจ้าหมาข้างบ้านยังไม่กล้าพูดด้วยเลย
แต่ว่าคุณอาเซ่อซ่าก็มักจะลืมให้อาหารแมวอยู่บ่อย ๆ ทำเอาเจ้าแมวหิวโซ
บ่ายวันหนึ่ง เจ้าแมวหิวจนทนไม่ไหวแล้ว ก็เลยเอาหางหย่อนลงไปในบ่อน้ำ ตกปลาขึ้นมาได้ เจ้าแมวเหมียวไม่เพียงแต่เป็นผู้เฝ้าบ่อได้ดี แต่มันก็ยังเป็นนักจับปลาตัวฉกาจ ไม่ทันไร ปลานับสิบตัวก็เข้าไปอยู่ในกระเพาะเจ้าแมวเหมียวผู้หิวโหยซะเล้ว
ทุกวัน ทุกวัน เจ้าแมวก็ได้แต่กินปลาในบ่อน้ำประทังชีวิต กินจนติดอกติดใจ
หมาเพื่อนบ้านของคุณอาเซ่อซ่า เห็นแล้วก็รู้สึกไม่สบอารมณ์เอามากๆ จึงนำเรื่องนี้ไปฟ้องคุณอา
แต่คุณอาเซ่อซ่าก็ไม่ค่อยเชื่อมากนัก ไปหาอวนมาช้อนปลาในบ่อดู ผลสุดท้าย ทำยังไงก็ช้อนขึ้นมาไม่ได้ซักตัว มองไปข้างขอบบ่อเห็นเจ้าแมวแอบงีบหลับอยู่ ก็รู้สึกว่าตัวมันอ้วนท้วนสมบูรณ์กว่าตอนเอามามาก และก็ยังมีท่าทางเหมือนปลาอีก แถมยังมีกลิ่นปลาออกมาจากตัวมันด้วย
“ไอ้แมวอ้วน แกขโมยกินปลาหรือเปล่า” คุณอาเซ่อซ่าร้องถาม
“เอ่อ คือ ผม ผม ” เจ้าแมวทำตาขาวด้วยความกลัว
คุณอาเซ่อซ่ายังไม่ทันรอฟังคำตอบ ก็จับเจ้าแมวอ้วนโยนลงบ่อน้ำ
เจ้าแมวอ้วนจมลงไปในบ่อ กินน้ำเข้าไปอึกๆ ๆ จนน้ำในบ่อตื้นขึ้นๆ จนห้องครัวโผล่ขึ้นมา “โอ้ว ห้องครัว” คุณอาเซ่อซ่าเบิกตาโพลงมองห้องครัวที่จมอยู่ใต้น้ำ และก็เห็นก๊อกน้ำที่ไม่ได้ปิดยังมีน้ำไหลออกมาตลอดเวลา เขาก็รู้ตัวทันทีว่า ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะลืมปิดน้ำตั้งแต่วันที่ไปตีเทนนิสกลับมานั่นเอง
พอกินน้ำในบ่อจนแห้ง เจ้าแมวก็กลายเป็นแมวตัวโตอุ้ยอ้าย เดินต้วมเตี้ยมจากไปทีละก้าว ๆ ท่าทางของมันเหมือนกับปลาตัวโตๆ ว่ายน้ำลอยไปลอยมาอยู่ในอากาศ
大咧咧叔叔性子急,做事快,他一分钟能洗十只碗,二十只盘子,三口锅。就这,他还嫌自己不够利索。
几天后,大咧咧叔叔从外地出差回来,进门一看,吓一跳。原来厨房里的筷子粘在一起,还生出了竹叶。碗里没洗净的米粒发了芽。盘子里长着一尺高的绿毛毛。大咧咧叔叔一拍自己的脑门:”唉,我可真粗心!”
这天,大咧咧叔叔打球回来,想洗洗澡,可一拧水龙头,停水了。他只好用毛巾擦了一把脸,带着一身臭汗上床睡觉。厨房里的水龙头一直在开着。
第二天早晨,大咧咧叔叔想去厨房做早餐,可厨房呢?厨房失踪了:在院子里出现一个大水池,池中心还有一股水柱高高喷起。他想:没了厨房,得到一个大池塘,也不坏嘛。大咧咧叔叔爱吃鱼,就去弄来许多小鱼苗放进水池。怕别人偷鱼,大咧咧叔叔还从亲戚家抱只大猫,看守鱼池。
大猫很凶,见人走近池塘,它就弓背驼腰,两眼瞪出家的哈巴狗,也不敢过来跟它说句话。
可大咧咧叔叔常常忘了给大猫饭吃,害得大猫饿肚子。
一个下午,大猫饿得实在受不了,就把尾巴放进水池里,钓起鱼来。大猫不但是个好看守,还是个好渔夫。不一会儿工夫,几十条小鱼全进了它的肚子里。
每天每天,大猫都靠钓鱼填饱肚子,它吃鱼上了瘾。
邻居家的哈巴狗,很看不惯这件事,就向大咧咧叔叔告了状。
大咧咧叔叔有点不相信,拿网去池塘捞鱼,结果一条也没捞着。他转眼看看在一边打盹的大猫,它现在变得比来时大多了,还鱼模鱼样的,并且从它身上散发出一股鱼腥味。
“大猫,你偷鱼吃了吗?”大咧咧叔叔问。”我,我……”大猫的目光怯怯的。
大咧咧叔叔还没等它说完,抓起就把它扔进了池塘。
大猫淹得大口大口地喝水,池塘里的水越来越浅。渐渐地厨房露了出来。啊,厨房:大咧咧叔叔瞪大了双眼,他看见厨房里那没拧上的水龙头,还在哗哗地流着水。他恍然大悟,这一切都是那天打球回来没关水龙头造成的!
喝光了池水的大猫,变成一只举世无双的巨猫,它正一步一步,艰难地朝远方走去。它的模样,像一条庞大的鱼,在风里游来游去。
ผู้เขียน Yi Ming(ไม่ปรากฏนามผู้แต่ง)
แปลและเรียบเรียง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เมชฌ สอดส่องกฤษ

จักจั่นท้องป่อง 大肚子蝈蝈

เจ้าจั๊กจั่นท้องป่องคลานอยู่บนดอกแตง ร้องจี๊ด ๆ มันนอนมองท้องตัวเองอย่างภาคภูมิ
แล้วก็พูดขึ้นมาว่า “ดูนี่สิ ท้องป่องๆของฉันนี่ ใครจะเทียบได้ ข้างในนี้เป็นสติปัญญาของฉันทั้งหมดเลยเชียวนะ”
มดแดงไต่ผ่านมา เจ้าจักจั่นรี่ไปขวางทางเอาไว้ไม่ไห้ไปไหน จะเทียบท้องกับมดแดงให้ได้ แต่มดน้อยก็บอกว่า “ข้าไม่แข่งกับแกหรอก ฉันต้องทำงงานน่ะ” เจ้าจักจั่นท้องป่องก็ไม่ว่าอะไร เพราะมันมองเห็นแล้วว่า ท้องของมดแดงใหญ่สู้ตัวเองไม่ได้ แล้วก็ตะโกนไล่หลังไปอย่างภาคภูมิใจว่า “เชอะ ฉันรู้หรอกน่าว่าแกไม่กล้าเทียบกับฉัน”
เจ้าจักจั่นท้องป่องก็คลานไปแทะดอกแตงไปพลาง ดื่มน้ำค้างไปพลาง มันไม่ต้องใช้แรงงานอะไรก็ได้อาหารมาอย่างง่ายดาย ดังนั้นวันทั้งวันมันก็เลยเอาแต่ส่ายท้องอวดไปมา ผึ้งน้อยบินมาเกาะ มันก็รี่เข้าไปหา จะเปรียบท้องกับผึ้ง พอมีแมลงปอบินมาเกาะ มันก็รีบไปหาแมลงปอจะเปรียบท้องว่าใครใหญ่กว่ากัน ทั้งผึ้งและแมลงปอล้วนแต่มีธุระ ก็ไม่ได้สนอกสนใจ บินจากไป
เจ้าจักจั่นท้องป่องก็โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง ทำท้องป่องไปป่องมา เกลียดเจ้าผึ้งน้อยและเจ้าแมลงปอยิ่งนัก
ทันใดนั้นเอง ก็มีควายตัวหนึ่งเดินต้วมเตี้ยมมา เจ้าจักจั่นท้องป่องเห็นเข้าถึงกับอ้าปากค้าง “โอ้…..ท้องช่างใหญ่เหลือเกิน” ควายตัวโต ทั้งเนื้อทั้งตัวเอ็นขึ้นเป็นลำล่ำสัน ท้องกลมดิก เจ้าจักจั่นไม่มีทางเทียบได้เลย แต่เจ้าจักจั่นเกิดมายอมใครไม่เป็น คอยแต่จะเอาชนะคนอื่นอยู่ร่ำไป ท้องของวัวใหญ่กว่าท้องของจักจั่น
“ได้เลย”เจ้าจักจั่นจะลองแข่งกับวัวดูสักตั้ง ว่าแล้วมันก็สูดลมเข้าท้อง เฮือก ๆ ๆ จะต้อง
เอาลมเข้าท้องให้เต็ม จนกระทั่งท้องมันป่องมาก ๆ แต่ดูยังไงก็ยังใหญ่สู้วัวไม่ได้เสียที “ไม่ได้ ๆ ยังสู้ไม่ได้” แล้วมันก็สูดลมเข้าท้องต่อไป ทีละเฮือก ทีละเฮือก จนท้องป่องเหมือนลูกโป่ง ทั้งกลมทั้งป่อง ทันใดนั้น “ปั้ง” ท้องของเจ้าจักจั่นระเบิด เหมือนกับดอกกะหล่ำ
เจ้าควายซื่อก็เดินจากไป ไม่รู้เลยว่าเจ้าจักจั่นท้องป่อง แข่งเปรียบท้องกับมัน และก็ไม่รู้เลยว่าเจ้าจักจั่นแข่งเบ่งท้องกับมันจนท้องแตก แต่เจ้าควายชื่อมีงานต้องทำ มันต้องไปไถนา
ท้ายที่สุด เจ้ามดน้อยก็มาช่วยเจ้าจักจั่น เย็บท้องทีละเข็มๆ เข้าด้วยกัน เจ้าจักจั่นท้องป่องได้รับบทเรียนครั้งนี้หรือเปล่า ก็ต้องรอดูท่าทีของมันต่อไป
大肚子蝈蝈趴在倭瓜花上唧唧地叫着。他在得意地欣赏着自己的大肚子:”瞧,我这大肚子,谁比得了,这里面全是智慧呀。”
小蚂蚁过来了,他拦住不放,非要和人家比比肚子不可。小蚂蚁说:”我不比肚子,我还要劳动呢。”大肚子蝈蝈并不介意,因为他已经看出来了,小蚂蚁的肚子没有他大,便得意的说:”哼,我就知道你不敢比。”
大肚子蝈蝈一边啃着倭瓜花,一边喝着露水,他完全不用劳动就可以得到食物,因此,他整天只知道炫耀自己的肚子。小蜜蜂过来了,他要和小蜜蜂比肚子;小蜻蜓过来了,他要和小蜻蜓比肚子。小蜜蜂和小蜻蜓都有自己事情,不屑一理地飞走了。
大肚子蝈蝈气坏了,肚子里一鼓一鼓的,恨透了小蜜蜂和小蜻蜓。忽然一只水牛从那儿路过,嗬,水牛的肚子好大呀,浑身的腱子肉,圆圆的肚子,大肚子蝈蝈可没法相比。可大肚子蝈蝈天生比别人要强,水牛的肚子比他大,那还行?大肚子蝈蝈要跟水牛比试比试,他一口气一口气地往肚子里运气,要用气儿把肚子充实起来。那肚子果然一下一下地鼓起来了。肚子已经好大好大了,可他看看水牛的肚子,不行,还没赶上。于是又继续吸气,一口,一口,那肚子像气球一样又圆又鼓了。突然,”砰”的一下,大肚子蝈蝈的大肚子爆炸了,成了一个烂菜花。
水牛一步一步地走了,他不知道大肚子蝈蝈在和他比肚子,更不知道因为和他比肚子,大肚子蝈蝈撑破了肚皮。他有事情,他要耕田的。后来,还是小蚂蚁帮忙,一针一线地帮大肚子蝈蝈把肚子缝起来。大肚子蝈蝈接受教训呢?那还得看他的行动。
ผู้เขียน Yi Ming(ไม่ปรากฏนามผู้แต่ง)
แปลและเรียบเรียง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เมชฌ สอดส่องกฤษ

ท่อนไม้วิเศษ 一根了不起的木棍

ก๊อก ๆ ๆ เสียงท่อนไม้วิเศษเคาะประตูบ้านของช่างไม้ แล้วพูดกับช่างไม้ว่า “ข้าคือท่อนไม้ที่วิเศษที่สุด ฉันจะทำงานอันยิ่งใหญ่ที่วิเศษที่สุดในโลก ขอท่านได้โปรดทำให้ข้าเปลี่ยนเป็นสิ่งของที่มีอานุภาพ และกล้าแกร่งด้วยเถิด”
“แล้วเจ้าคิดว่า สิ่งใดที่มีอานุภาพ และกล้าแกร่งล่ะ” ช่างไม้ร้องถามเจ้าไม้วิเศษ เจ้าไม้วิเศษคิดอยู่ครู่หนึ่งก็ตอบว่า “ทำให้ฉันกลายเป็นปืนก็แล้วกัน”
“ได้ ” ว่าแล้ว ช่างไม้ก็เริ่มลงมือ ช่างไม้เลื่อยไม้วิเศษนี้จนมันวาว แล้วสลักไม้ขึ้นรูปให้เป็นไกปืน ด้ามปืน ปล่องปืน แล้วพูดว่า “ตอนนี้ เจ้าได้แปลงร่างเป็นปืนที่มีอานุภาพ และกล้าแกร่งแล้ว” แล้วช่างไม้ก็เอาปืนไปตั้งไว้ที่พื้น เจ้าปืนแสนกลก็กระโดดขาเดียว “ตุเลง ๆ ๆ ” ยืดอกออกจากบ้านช่างไม้ไปอย่างองอาจและเด็ดเดี่ยว ไม่เหลียวหลังกลับมามอง
“โป๊ก ๆ ๆ ” เจ้าปืนแสนกลเคาะประตูโรงงานอย่างแรง แล้วพูดกับเหล่าคนงานว่า “ข้าเป็นปืนที่ทรงพลังและกล้าแกร่ง ข้าจะช่วยท่านทำอะไรได้หรือไม่”
คนงานมองดูเจ้าปืนแสนกล แล้วส่ายหัว ตอบกลับไปว่า “ข้าใช้เหล็กผลิตเครื่องจักร ข้าใช้ฝ้ายทอผ้า เจ้าช่วยอะไรเราไม่ได้หรอก”
ฮึ่ม ที่นี่ก็ใช้ฉันไม่ได้ จะต้องมีสักที่ที่ใช้ฉันได้สิน่า ว่าแล้วเจ้าปืนแสนกลก็กระโดดเหยงๆ ๆ ออกจากโรงงาน กระโดดไปตามถนนหนทาง มองเห็นตำรวจยืนอยู่กลางถนน ก็รีบกระโดดไปหาแล้วพูดกับตำรวจว่า “คุณตำรวจ ข้าคือปืนที่ทรงพลังและกล้าแกร่ง ข้าจะช่วยท่านทำงานใหญ่อะไรได้หรือไม่”
คุณตำรวจมองดูเจ้าปืนแสนกล ก็ยิ้มแล้วพูดว่า “ฉันใช้ไฟเขียวไฟแดงควบคุมการจราจร ให้รถทุกคันเดินทางไปถึงจุดหมายด้วยความปลอดภัย นี่คืองานอันยิ่งใหญ่ที่ฉันทำ” เจ้าปืนแสนกล ได้ยินดังนั้นก็บ่นพึมพำ ๆ ว่า “ฉันจะต้องหาที่ที่ใช้ประโยชน์ฉันได้ให้จงได้” ว่าแล้วมันก็กระเหยงๆ ๆ กระโดดต่อไปข้างหน้า
เฮ้ ข้าคือปืนที่ทรงพลังและกล้าแกร่ง ท่านต้องการให้ข้าช่วยอะไรมั้ย เสียงเจ้าปืนแสนกลตะโกนถามชาวนาที่อยู่ไกลลิบปลายท้องนา ชาวนาหันหลังกลับมาดูเห็นปืนแสนกล ก็โบกมือไหวๆ ส่ายหัวไปมา “ไม่ใช้ ๆ มีรถไถช่วยเราไถนา มีปุ๋ยช่วยให้ต้นกล้าเรางอกงาม ยังจะต้องให้เจ้าช่วยอะไรอีกล่ะ” พูดจบชาวนาก็ชี้ไปที่ภูเขาสูงที่มองเห็นไกลลิบ แล้วก็ตะโกนบอกเจ้าปืนแสนกลว่า “ที่นั่นมีนายพรานคนหนึ่ง บางทีเค้าอาจจะมีอะไรให้เจ้าช่วยก็ได้นะ”
กระโหยง กระเหยงๆ ๆ เจ้าปืนกลกระโดดมุ่งหน้าไปที่ภูเขาลูกนั้น เจ้าปืนแสนกลกระโดดมาตามทางไกลแสนไกล ในที่สุดก็มาถึงหน้าบ้านของนายพราน
“นายพราน ๆ ข้ามาแล้ว” เจ้าปืนแสนกลเอาหัวผลักเข้าไปในประตูบ้านของนายพราน แล้วก็ยืนยืดอกอยู่ต่อหน้านายพรานด้วยท่าทางที่น่าเกรงขาม
สายตาเป็นประกายของนายพรานมองมาที่เจ้าปืนแสนกลตั้งแต่หัวจรดเท้า สักครู่ ก็ถามออกมาว่า “เจ้าจะทำอะไร”
“ยิงเสือ ยิงหมาป่าน่ะสิ” เจ้าปืนแสนกลตอบนายพรานด้วยเสียงดังลั่น
นายพรานได้ยินก็ถึงกับขมวดคิ้วเข้าหากัน แล้วก็พูดกับเจ้าปืนแสนกลว่า “เสือกับหมาป่ามันก็อยู่ของมันดีๆ แล้วเจ้าจะไปยิงมันทำไมกันเล่า”
“ก็ท่านเป็นนายพรานนี่นา”
“ข้าไม่ได้เป็นนายพรานแล้ว ”
“แล้วท่านเป็นอะไรล่ะ”
“ข้าเป็นคนงานเลี้ยงสัตว์ในสวนสัตว์แล้ว” เจ้าปืนได้ยินดังนั้นก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วก็กะโดดหัวคะมำออกมาจากบ้านนานพราน มองตะวันออกที ตะวันตกที เหนือที ใต้ที เพราะไม่รู้จะกระโดดไปทางไหนดี
ก๊อก ๆ ๆ อยู่มาวันหนึ่ง เสียงเคาะประตูโรงเรียนดังขึ้น เด็ก ๆ พากันไปเปิดประตู ทันใดนั้นก็มีเสียงตะโกนด้วยความตกใจ ว้าย …..ปืน ปืน ปืน
ฮ่า ๆๆ ในที่สุดฉันก็หาที่ที่ต้องการฉันเจอจนได้ “โหยงๆ เหยงๆ ” เจ้าปืนแสนกลกระโดดเข้าไปข้างใน ยืนอยู่ข้างๆกับกลุ่มเด็กผู้หญิงกลุ่มหนึ่ง แล้วร้องถามว่า “หนูๆชอบฉันมั้ย”
เหล่าหนูน้อยเบิกตาโต แล้วตะโกนเป็นเสียงเดียวกันว่า “พวกเราไม่ชอบหรอก”
เจ้าปืนแสนกลร้องถามกลับไปว่า “แล้วพวกเจ้าชอบอะไรรึ”
“ชอบเต้นรำ” เสียงหนูๆแสนหวานเหมือนเสียงเพลงอันไพเราะ โบยบินไปมาในสวนสนุก
“แล้วพวกเจ้าล่ะ ชอบข้ามั้ย” เจ้าปืนแสนกลถามเด็กผู้ชายที่มุงดูอยู่รอบๆด้วยเสียงอ่อย ๆ
“ชอบสิ” เด็กผู้ชายกลุ่มนั้นตอบพร้อมกัน แต่เจ้าปืนแสนกลยังไม่ทันได้ดีใจ พวกเด็กผู้ชายก็พูดต่อไปอีกว่า “แต่พวกเราชอบเตะบอลมากที่สุด”
“โฮ…ๆ ๆ ” เสียงเจ้าปืนแสนกลร้องไห้โฮออกมาด้วยความผิดหวัง ล้มลงกับพื้นนอนแน่นิ่งอยู่อย่างนั้น
“ฮือ ๆ ๆ” เด็กผู้หญิงจิตใจอ่อนโยน น้ำตาคลอ ร้องไห้ไปพร้อมๆกับเจ้าปืนแสนกลด้วยความสงสาร ทำเอาบรรดาเด็กชายเดือดร้อนกันใหญ่ บางคนก็ปิดหู บางคนก็เกาหัว ไม่รู้ว่าจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไรดี
เด็กชายคนหนึ่งมองไปที่สนามเด็กเล่นโล่งๆ ไม่มีต้นไม้ ก็เกิดความคิดว่า “ถ้าเจ้าปืนแสนกลเปลี่ยนเป็นต้นไม้ได้ก็ดีสินะ”
“จริงด้วย แล้วยังออกดอกไม้เยอะแยะได้ด้วยนะ” เด็กหญิงหยุดร้องแล้วก็ตอบด้วยเสียงร่าเริง
“จริงด้วยล่ะ แล้วยังมีผลไม้ด้วยนะ” เด็กหญิงอีกคนหยุดร้องแล้วก็ตอบด้วยเสียงแจ๋ว
เจ้าปืนแสนกลได้ยินดังนั้นก็กระโดดลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว แล้วก็ปักตัวเองลงไปในโคลน ตะโกนหัวเราะชอบใจว่า “ถ้างั้น ฉันแปลงร่างเป็นต้นไม้ใหญ่ก็แล้วกัน”
สักพักหนึ่ง ที่กระบอกปืนก็มีกิ่งไม้งอกขึ้นมา บนกิ่งไม้มีใบไม้งอกขึ้นมา แล้วก็ออกดอกบานสะพรั่ง ไม่ทันไร ดอกไม้ก็ร่วงโรยกลายเป็นผลไม้เต็มต้น เด็กๆพากันเต้นรำเริงร่าอยู่ใต้ร่มไม้ เตะบอล พอวิ่งเล่นเหนื่อยแล้วก็พากันมานั่งพักที่ใต้ร่มไม้ กินผลไม้ที่หล่นลงมาจากต้นไม้
ตอนนี้ฉันคือต้นไม้ที่ทรงพลังและกล้าแกร่ง กำลังทำเรื่องที่มีคุณค่า แปลงร่างจากปืนมาเป็นต้นไม้ เห็นเด็กๆดีอกดีใจมีความสุขอย่างนี้ เจ้าปืนแสนกลพูดอย่างดีอกดีใจ แต่คำพูดของมันก็ถูกคุณป้าพายุพัดพาจากไป เด็กๆที่นั่งเล่นอยู่ใต้ต้นไม้ก็ไม่มีใครได้ยินเสียงนั้นเลย
“通通通!”一根了不起的木棍,敲开了老木匠家的门,对老木匠说:”我是一根了不起的木棍,我要在世界上干一番了不起的大事,求求你,把我做成一件挺威风、最神气的东西吧!”
“你认为什么东西挺威风、最神气呢?”老木匠问这根了不起的木棍。了不起的木棍想了想,说:”把我做成一杆枪吧。”
“好。”老木匠就动起手来。他把这根了不起的木棍刨光,又在它的身上刻出了枪栓和扳机:”现在你已经是挺威风、最神气的一杆枪啦。”老木匠把已变成了枪的木棍放在地上。变成了枪的木棍挺威风地昂起头,很神气地挺着胸,用一只脚在地上跳着,然后”笃笃笃”头也不回地出门去了。
“嘭嘭嘭”枪用很大的声音敲开了工厂的大门,对工人说:”我是挺威风、最神气的枪,我能帮你做点什么吗?”
工人看着枪,摇摇头说:”我用钢铁造机器,我用棉花织布,你帮不了我的忙。”
“哼,你这里用不上我,总有用得上我的地方。”枪又”笃笃笃”地跳出工厂大门,来到大街上,看见有一个警察站在那儿,它跳上前去说:”警察先生,我是挺威风、最神气的枪,我能帮你于一番大事业。”
警察看看枪,笑着说:”我用红绿灯指挥车辆来往,让每一辆车都平安地到达它们要去的地方,这就是我干的大事业。””我能找到用得着我的地方的。”枪又用一只脚”笃笃笃”地向前跳去。
“喂,我是一杆挺威风、最神气的枪,你需要我帮忙吗?”离老远,枪看到一个农民,就大声地对他说。农民回头看看,来的竟是一杆枪。他连连地摆摆手又摇摇头。”不用不用。有拖拉机帮我耕地,有肥料帮助苗儿长大,还要你帮什么忙呢?”农民用手指指远方的高山,告诉枪说,”那里有一位猎人,或许他需要你干点什么。”
“笃笃笃!”枪就向高山跳去。
枪走了许多许多路,才来到猎入家的门口。
“猎人,猎人,我来啦!”枪一头撞进了猎人家的门,威风凛凛地站在猎人面前。
猎人的眼睛里放出了光芒,他上上下下打量着这杆枪,好一会儿,突然问它:”你要我干什么呢?”
“打老虎,打狼呀。”枪用很响的声音回答。
猎入忽然皱了一下眉头,说:”老虎和狼都生活得好好的,我为什么要去打它们呢。”
“因为你是猎人呀。”
“我已经不是猎人了。”
“那你当什么了呢?”
“我已经当动物园的饲养员了。”,”唉!”枪叹了一口气,”啪嗒”一个筋斗,从猎人家翻了出来。它看看东,看看西,看看南,看看北,不知到哪儿去才好?
“咚咚咚!”有一天,幼儿园的门突然响起来,小朋友们拉开门一看,都惊叫起来:”枪!枪!枪!”
“哈哈哈,我终于找到地方啦。”枪”笃”地跳进门,大声问站在它身边的一群小姑娘,”你们喜欢我吗?”
小姑娘们忽闪着大大的眼睛,齐声回答:”可我们不喜欢。”
枪接着又问:”你们喜欢什么呢?”
“喜欢跳舞。”小姑娘的声音像一支甜甜的歌,在幼儿园上空飞来飞去。
“那么你们呢,喜欢我吗?”枪的声音小多了,它问围着自己身边的一群男孩。
“喜欢!”男孩子们齐声回答,但不等枪高兴得跳起来,男孩子们又齐声地说,”可我们最喜欢踢球。”
“哇——”枪失望地大哭起来,而且倒在地上再也起不来了。
“呜呜呜!”小姑娘的心肠是最软的,眼眶里的泪水也贮藏得最多,她们跟着枪哭了起来。这可把男孩子们急坏了。有的挖耳朵,有的抓头皮,不知道怎样来收拾这个局回。
“它要是能变成一棵树就好了。”一个男孩子看看自己的操场里没有一棵树,这样说。
“还要开许多许多花!”一个小站娘停住了哭。
“还要结许多许多果子!”又一个小姑娘停住了哭。
枪突然从地上跳起来,用力向泥土里一插,高兴地说:”那我就变成一棵树吧!”
一忽儿,枪杆上长出了枝丫,枝丫上长出了许多许多树叶,又开出了许多许多花朵。又一会儿,花朵又结成了又大又红的果子。幼儿园的小朋友们就在树底下跳舞,踢球。他们跳累了,踢累了,团团地坐在树底下,吃着树上掉下来的果子。
“我现在是一棵挺威风、最神气的树,正在干一番了起的大事业。”由枪变成的树,看到孩子们这样高兴,开地说。不过,它的话马上被风婆婆带走了。所以,树底的孩子谁也没有听到。
ผู้เขียน Yi Ming(ไม่ปรากฏนามผู้แต่ง)
แปลและเรียบเรียง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เมชฌ สอดส่องกฤษ

เรื่องของหนูน้อยตัวหนึ่ง 一只小老鼠

หนูน้อยตัวหนึ่งค่อยๆคลานออกมาจากรูอย่างกล้าๆกลัวๆ มองไปรอบ ๆ ทั่วทิศทาง ดูว่ามีแมวหรือศัตรูตัวอื่นๆอยู่หรือเปล่า
แต่ทันใดนั้น มันก็ต้องตกใจสุดขีด อยู่ข้างๆตัวนี่เอง ไอ้เจ้าตัวขมุกขมัวหมอบอยู่ข้างๆ
แมวเหรอ หรือว่า จิ้งจอก หรือว่านกฮูก เห็นดังนั้น เจ้าหนูน้อยก็ค่อยๆหดตัวเข้าไปในรู แต่ก็หนีไม่พ้น เจ้าตัวดำนั่นก็ตามเข้ามาในรูติดๆ เหมือนกัน
เจ้าหนูน้อยก็ค่อยๆยื่นปากออกมาจากรู ค่อยๆโผล่หัวออกมาครึ่งหนึ่ง แล้วก็ค่อยๆโผล่ตาเล็กๆสองตาออกมาดู มองซ้ายที มองขวาที ไม่เห็นจะมีอะไรสักอย่าง เฮ้อ…ที่แท้ก็ตกใจกลัวไปเอง
คราวนี้เจ้าหนูน้อยเดินออกจากรูอย่างมั่นอกมั่นใจ โอ้…ไอ้ตัวดำขมุกขมัวนั่นอีกแล้ว แต่…ช้าก่อน คราวนี้จะต้องดูให้ชัดๆว่าเป็นอะไรกันแน่ เจ้าหนูน้อยมอง ไอ้ตัวดำนั้นก็มอง เจ้าหนูขยับ ไอ้ตัวดำนั้นก็ขยับตาม เหมือนกับเงาของตัวเองเลย
เอ๊ะ…มันเป็นเงาของเราเองอย่างงั้นหรือ “ขี้ขลาดเหมือนหนู” เป็นคำพังเพยที่คนนำมาเปรียบเปรยกับคนที่ขี้ขลาดตาขาว ยิ่งเป็นเจ้าหนูน้อยจอมขี้ขลาดตัวนี้ด้วยนี้แล้ว ก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย มันต้องไม่เชื่ออะไรง่ายๆเป็นแน่ มันนอนดูยืนดู ไม่ผิดแน่ เป็นเงาจริงๆด้วย และมันก็พบว่า เงาที่นอนหมอบอยู่กับพื้น ตัวใหญ่กว่าก้อนหินที่อยู่ข้างๆนั้นเสียอีก
ว่ะ ฮ่า ๆ ๆ ที่แท้ฉันก็ตัวใหญ่โตมหึมาเหมือนกันนี่นา เจ้าหนูน้อยกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจราวกับพบดินแดนแห่งใหม่ก็ไม่ปาน
มันครุ่นคิดถึงแมวที่มาไล่จับมันในช่วงสองสามวันมานี้ เมื่อมันกระโดดหนีกรงเล็บของแมวเข้าไปหลบอยู่ในรูแล้วก็แอบหันกลับมามอง เจ้าหนูน้อยก็พบว่า เจ้าแมวที่มาจับมันตัวเล็กกว่าก้อนหินตั้งครึ่งหนึ่ง
ที่แท้ฉันตัวใหญ่กว่าแมวเสียอีก เจ้าหนูน้อยยิ่งคิดยิ่งลำพองในใจ ยิ่งดูยิ่งภูมิใจ และก็ยิ่งมั่นอกมั่นใจ ครั้งหน้า ถ้าแกมาอีก ฉันจะงับหัวแกให้แหลกเลยเชียว แต่ยังไม่ทันที่มันจะตัดสินใจกินเจ้าแมวเหมียว ไม่รู้เกิดอะไรขึ้น มันก็ร่วงลงไปอยู่ในปากใหญ่ๆ เสียแล้ว มองเห็นฟันอันแหลมคมเหมือนกับเสาเหล็กยังไงยังงั้น แล้วก็ …ลิ้นสีแดงเลือด….
เฮ้ย….ปากแมวนี่นา ….เจ้าหนูพอรู้ความจริงเข้าว่ามันกำลังอยู่ในปากของแมว ก็ไม่ทันการซะแล้ว
一只小老鼠,提心吊胆地从洞里爬出来,向四周瞧瞧:有没有猫和其他的敌人?
突然,他吓了一跳,就在自己的身边,蹲伏着一个黑乎乎的家伙。
“猫?黄鼠狼?或者猫头鹰?”他把身子的大半部缩进洞里,这徉,即使对方外上来,逃回洞里也快。
小老鼠先把嘴巴伸出来,又把半个头伸出来,再把两只眼睛露出来,东看西看,什么也没有。哈,完全是自己吓自己。
他又大模大样地爬出洞来。啊,又是一个黑乎乎的家伙。慢,这回倒要看看仔细,这家伙到底是什么?他看,黑家伙也看;他动,黑家伙也动。好像是自己的影子。
“难道它真是我的影子?””胆小如鼠”是世界上最厉害的人类讽刺他们当中胆小的一句名言,更何况这只小老鼠是鼠辈中胆子最小的,他当然不会轻易相信一个偶然发现的东西。他横看竖看,一点不错,真是自己的影子。突然他发现,他躺在地上的影子竟比旁边那块石头还要大。
“啊哈哈,原来我也是这么个庞然大物呀!”小老鼠像发现了新大陆似的高跳起来。
他想起前几天,一只猫来追捕自己,当他逃出猫爪,躲进洞里,然后又回过头来向外看时,追他的那只猫也只不过半块石头那么大。,
“原来我比猫还大!”小老鼠越看越得意,越看越自豪,越看信心越足,”下次那只猫再来时,我一定要一口咬碎他的头,然后……”就在小老鼠下决心要吃掉猫的时候,不知怎么一回事,他已经落到了一张巨大的嘴巴里,那些尖利的牙齿像钢做的柱子,还有那血红的舌头……
“啊,猫的嘴巴!”当小老鼠发现真相时,已经来不及了。
ผู้เขียน Yi Ming(ไม่ปรากฏนามผู้แต่ง)
แปลและเรียบเรียง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เมชฌ สอดส่องกฤษ

แมวป่าซื้อตู้เย็นใหม่ 野猫买了大冰箱

เจ้าแมวป่าซื้อตู้เย็นใหม่มาหลังหนึ่ง เป็นตู้เย็นแบบที่ใหญ่ที่สุด ทาสีเขียวอ่อนๆ มีชั้นบนชั้นล่างหลายๆชั้น ใส่ของได้เยอะแยะมากมาย
เจ้าแมวป่าซื้อปลา 5000 กรัม ยัดใส่เข้าไปในตู้เย็นจนเต็ม เอาอะไรมาแช่อีกดีนะ เจ้าแมวป่าคิดไปคิดมา ก็เอาของในบ้านที่แช่ตู้เย็นได้เอามายัดใส่ตู้เย็นจนแน่น
ในหมู่บ้านนี้ ฉันซื้อตู้เย็นเป็นคนแรกเลยเชียวล่ะ เจ้าแมวป่าคิดอย่างภาคภูมิใจ ฉันจะต้องให้ทุกคนรู้ว่าฉันซื้อตู้เย็น
ว่าแล้ว เจ้าแมวป่าก็ตัดสินใจย้ายตู้เย็นออกไปตั้งไว้ที่ประตูหน้าบ้าน แล้วก็ยืนพิงตู้เย็นไม่ห่างแม้แต่ก้าวเดียว “ถ้าไม่ทำแบบนี้ ใครจะรู้ว่าฉันซื้อตู้เย็นล่ะ” เจ้าแมวป่าคิดอยู่ในใจ
ปกติ แถวนี้จะมีคนเดินผ่านไปผ่านมาไม่ขาดสาย แต่ทำไมวันนี้ถึงไม่มีใครผ่านมาเลยสักคนนะ เจ้าแมวป่าร้อนรนมาก
ในที่สุด ก็มีเจ้าแมวลายเดินผ่านมา เจ้าแมวลายก็เอาแต่ก้มหน้าก้มตาเดินดุ่มๆอย่างรีบร้อน ไม่ได้หันมามองตู้เย็นเลยสักนิด เจ้าแมวป่าเห็นดังนั้นก็ทนไม่ได้ ยื่นมือไปเรียกเจ้าแมวลาย
“เฮ้ย พรรคพวก”
“อุ๊ย..” เจ้าแมวลายอุทานด้วยความตกใจ
“มองมาทางนี้หน่อย ฉันซื้อตู้เย็นมาใหม่ด้วยล่ะ นี่เป็นเครื่องแรกของหมู่บ้านเราเลยเชียวนะเนี่ย” เจ้าแมวป่าร้องอวดอย่างภาคภูมิใจ
“ตู้เย็นเอาไว้ทำอะไรเหรอ ” เจ้าแมวลายมองดูไอ้เจ้าของที่ไม่เคยเห็นมาก่อนด้วยความฉงน
“แกนี่ช่างซื่อบื้อจริงๆเลย ตู้เย็นก็เอาไว้แช่ของน่ะสิ มีตู้เย็นแล้ว ก็จะมีปลาสดให้กินได้ทุกเวลาเลยนะ” พูดจบเจ้าแมวป่าก็เปิดประตูตู้เย็น หยิบเอาปลาออกมาหนึ่งตัว แล้วก็แทะปลาจุ๊บจั๊บๆ ราวกับว่าไม่เคยกินปลาที่สดใหม่ขนาดนี้มาก่อนในชีวิต
เจ้าแมวลายยืนน้ำลายหก เช็ดน้ำลายมองดูอยู่ใกล้ๆ อย่างน่าสงสาร เจ้าแมวป่าอดสงสารไม่ได้ ก็เลยหยิบเอาปลาออกมาจากตู้เย็นอีกหนึ่งตัว “เอ้า เจ้าแมวลาย แกลองชิมดูสิ”
“อื้มหือ อร่อยๆ ๆ ก็คงมีแต่คนที่มีความรู้อย่างแกนี่ล่ะ ถึงจะคู่ควรได้ใช้ตู้เย็น” เจ้าแมวลายพูดประจบประแจง
เจ้าแมวลายกินอิ่ม เรอเฮือกหนึ่งแล้วก็เดินจากไป เจ้าแมวป่ารู้สึกเบิกบานใจมาก ๆ “อืม…ยังไงก็มีคนรู้แล้วล่ะว่า ฉันมีตู้เย็นแล้ว”
สักครู่ ก็มีเจ้าแมวขาวเดินผ่านมา
“เฮ้ย…ดูนี่สิ ฉันซื้อตู้เย็นใหญ่มานะ ” เจ้าแมวป่า หง่าว ๆ อวดเพื่อนเสียงดังลั่น
“ตู้เย็นเหรอ” เจ้าแมวขาวเดินมา แล้วก็ลูบๆคลำๆ ตู้เย็น แล้วก็พูดอย่างผู้ชำนาญว่า “อ๋อ..ฉันรู้จักของสิ่งนี้ดี”
“อ้า…ในที่สุดก็มีคนรู้จักจนได้ นี่เป็นของที่วิเศษที่สุดเลยเชียวนะ” เจ้าแมวป่าเปิดประตูตู้เย็นออกแล้วก็ร้องอวดเจ้าแมวขาวว่า “ดูนี่สิ ปลาสดเยอะแยะเชียวล่ะ ต่อไปนี้ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องกินปลาแล้วล่ะนะ”
เจ้าแมวขาวตาลุกวาวเมื่อเห็นปลาที่กองอยู่เต็มตู้เย็น มีแต่ของดีๆทั้งนั้น “อืม…ปลาแช่แข็ง….รสชาดเป็นยังไงเหรอ น่าจะไม่ค่อยเหมือนเดิมนะ” เจ้าแมวขาวทำตาเจ้าเล่ห์ แล้วก็ยื่นจมูกไปดมปลาในตู้เย็น “จะสดหรือไม่สด ฉันได้ชิมดูสักหน่อยก็รู้แล้วล่ะ”
“ก็ต้องสดอยู่แล้ว ” เจ้าแมวป่าหยิบปลาออกมาให้เจ้าแมวขาวชิม
“รดชาดเป็นไงบ้าง” เจ้าแมวป่ายืนจ้องใจจดใจจ่อรอคำตอบ
รดชาดก็…..ไม่เลวนะ ตู้เย็นนี่ดีจริงๆเลยนะ “เจ้าแมวขาวยืนยันหนักแน่น”
เจ้าแมวป่าถอนหายใจเฮือกด้วยความโล่งใจ
ไม่นานก็มีคนเดินผ่านไปผ่านมาเยอะขึ้นเรื่อยๆ ต่างพากันมามุงดูตู้เย็นใหม่ของเจ้าแมวป่า เจ้าแมวป่าก็เรียกให้ทุกคนมาดูตู้เย็นด้วยความดีอกดีใจ พลางแนะนำข้อดีของตู้เย็น พลางหยิบปลาออกมาจากตู้เย็นให้ทุกคนได้ชิม
พลบค่ำแล้ว เจ้าแมวป่าก็เลื่อนตู้เย็นกลับเข้าบ้าน
ตู้เย็นที่เต็มแน่นไปด้วยปลาสด ตอนนี้โล่งไม่เหลืออะไรเลยสักอย่าง “แม้จะเหนื่อยหน่อย แต่ให้ทุกคนได้เห็นตู้เย็นของฉัน ก็คุ้มค่านะ” เจ้าแมวป่าคิดอยู่ในใจ
ทันใดนั้น ก็มีเสียงเอะอะมาจากหน้าประตูบ้าน เจ้าแมวป่าเปิดประตูออกดูถึงกับตกตะลึง แมวในหมู่บ้านทั้งผู้เฒ่าผู้แก่ ลูกเล็กเด็กแดงยืนต่อแถวยาวอยู่หน้าประตูบ้าน
“มีอะไรกันน่ะ” เจ้าแมวป่าร้องถาม
“พวกเราอยากลองชิมปลาสดๆ ในตู้เย็นดูน่ะ”
“ใช่ๆ ยังไม่ได้กินข้าวเย็นเลย หิวจะตายอยู่แล้ว”
แมวทั้งหลาย พากันร้องเหมียวๆ ๆ เจี๊ยวจ๊าวไปหมด
เจ้าแมวป่าก็รู้สึกอ่อนล้าขึ้นมาทันที
野猫买了一个大冰箱。冰箱是最大的那种,涂着淡绿的漆,上上下下有好几层,能放好多好多的东西。
野猫买来5千克鱼塞进冰箱里。”再冰点什么呢?”野猫想了想,又把家里所有能冰的东西都装了进去。大冰箱一下子塞得满满的。
“买冰箱我在村里可是头一个呀,”野猫得意地想,”我得让大家都知道我买了一个大冰箱!”
野猫决定把大冰箱搬出去,放在门口正对着马路的地方。野猫紧靠着大冰箱,一步也不离开。”不这样谁会知道这是我的冰箱呢!”野猫想。
平时,这里来来往往的总不断人,可今天总也不见人来,野猫等得好心急呀!
终于,路口走来一只花猫。花猫只顾匆勿忙忙地赶路,根本就没朝冰箱看。野猫忍不住伸长脖子大叫起来:
“嘿,伙计!”
“啊?!”花猫吓了一大跳。
“往这儿瞧:我买了个大冰箱!这在我们村可是头一个呀!”野猫说。
“冰箱?能做什么?”花猫奇怪地打量着这个从未见过的玩艺儿。
“你真傻:冰箱能冰东西呀:有了它,随时都能吃到新鲜鱼呢!”野猫拉开冰箱拎出一条鱼。他呱唧呱唧啃着冰鱼,好像这辈子都没吃过这么新鲜的鱼。
花猫擦了擦淌到嘴边的口水,有点难为情。野猫有点不忍心了,又从冰箱里拎出一条冰鱼:”花猫,请尝尝鲜吧!”
“呀,好吃!只有像您这样有知识的人才配用冰箱呢!”花猫讨好地说。
花猫打着饱嗝走了,野猫也很开心,”嗯,总算有人知道我有冰箱啦!”
没多久,又来了一只白猫。
“嘿,瞧呀!我买了个大冰箱!”野猫又大叫起来。
“冰箱?”白猫走过来东摸摸西瞧瞧,然后挺内行地说:”啊,我知道这东西。”
“哈,终于有个识货的啦!这可是个最最棒的东西呢!”野猫把冰箱门拉开,对白猫说,”瞧,能冰多少鲜鱼呀,吃鱼不用愁呢!”
看到冰箱里塞得满满的,全是好东西,白猫的眼睛都发亮了:”唔,冰鱼……味道怎样?相差些吧?”白猫胶着眼,使劲吸了吸鼻子,”是不是新鲜,我一尝就知道!”
“肯定新鲜的!”野猫又拎出一条鱼送给了白猫。
“味道怎样?”野猫盯着白猫的嘴巴,很紧张地问。
“味道嘛……不错的,冰箱是个好东西呀!”白猫很肯定地说。
野猫松了一口气。
走过这儿的人越来越多了,大家都围过来看野猫买的大冰箱。野猫热情很高地请大家看冰箱,介绍冰箱的用处,然后弄条鱼或者别的什么给人家尝尝。
天黑的时候,野猫把大冰箱搬回了家里。
白天满满的冰箱已经空空荡荡了。”虽然有点累,可别人都说我的大冰箱好呢,还是值得的!”野猫这么想。
突然,门外传来一阵吵闹声。野猫开开门愣住了:野猫村的老猫带着一家老小在他的门口排起了长长的队伍。
“出什么事了?”野猫问。
“我们还想尝尝冰箱里的鲜鱼!”
“是呀,是呀!””晚饭没吃,真饿呀!”
小猫们七嘴八舌地说。
野猫突然觉得很累很累。
ผู้เขียน Yi Ming(ไม่ปรากฏนามผู้แต่ง)
แปลและเรียบเรียง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เมชฌ สอดส่องกฤษ

แกต้องชดใช้ 要你赔

ดึงให้ตึงๆ พวกมันกำลังเล่นชักคะเย่อกันอยู่ ข้างหลังช้างเป็นม้าขาว ข้างหลังม้าขาวเป็นวัว ข้างหลังวัวเป็นเจ้าลาตัวดำ
ใช้แรงดึงมากเกินไป “ผึง” พวกมันดึงเชือกจนขาด พากันล้มหกคะเมนตีลังกา
ช้างตัวโตทำม้าเลอะไปทั้งตัว ม้าร้องลั่นบอกช้างว่า “แกต้องชดใช้”
ม้าขาวถีบวัวจนเจ็บไปหมด วัวพูดกับม้าว่า “แกต้องชดใช้” ส่วนวัวก็ครูดไปกับตัวลา จนขนร่วง เจ้าลาดำก็พูดกับวัวว่า “แกก็ต้องชดใช้”
ชดใช้อย่างไรกันล่ะ
ช้างพูดกับม้าว่า “ เอาโคลนบนกีบแก มาถูที่ฉันก็แล้วกัน”
ม้าพูดกับวัวว่า “แกก็ถีบฉันคืนก็แล้วกัน”
วัวก็พูดกับลาว่า “แกก็ถอนขนฉันก็แล้วกัน ถ้าถอนไม่ออก เดี๋ยวฉันถอนให้เองก็ได้”
ทันใดนั้นเอง พวกมันก็ได้ยินเสียงแว่วเบาๆมาจากเท้าของลาว่า “แล้วฉันจะหาใครมาชดใช้ล่ะ”
มองลงไป เป็นหอยทากตัวน้อย เปลือกของมันถูกเหยียบจนแตกเป็นเสี่ยง ๆ
เจ้าลาดำรีบพูดกับหอยทากว่า “ที่ฉันเหยียบแกก็เพราะว่าวัวมาชนฉัน”
เจ้าวัวก็โทษเจ้าม้าทันควัน ม้าก็โทษช้าง ช้างก็โทษเชือก
หอยทากถอนหายใจเฮือกใหญ่ ว่า “อย่าโทษกันไปกันมาเลย ถึงยังไงก็ไม่มีใครชดใช้ความเสียหายให้ฉันได้ บ้านฉันไม่มีทางซ่อมได้ ฝนตกเปาะแปะรั่วเข้าบ้านฉัน ก็ต้องเป็นแบบนี้ไปทั้งชีวิตแล้วล่ะ”
หอยทากพูดจบก็ค่อยๆ คลานจากไป
ช้าง ม้า วัว ลา ก็ยืนอึ้งอยู่ตรงนั้น ต่างพานิ่งเงียบ พูดไม่ออกเลยสักคำ
拉紧绳子,他们在拔河——大象后面是白马;白马后面是黄牛;黄牛后面是黑驴。
劲用得太大了,”嘣!”绳子拉断了!大家都跌倒了。
大象把白马身上弄脏了。白马对大象说:”要你赔!”
白马把黄牛踢痛了。黄牛对白马说:”要你赔!”黄牛蹭掉了黑驴的几根毛。黑驴对黄牛说:”要你赔!”
怎么赔呢?
大象对白马说:”你也把脚上的烂泥抹到我身上吧。”
白马对黄牛说:”你也踢我一下吧。”
黄牛对黑驴说:”你也来蹭我的毛吧,要是蹭不下来,我自己拔几根给你。”
这时候,大家听见黑驴脚边有个小小的声音说:”我该找谁赔呢?”
一看,是个蜗牛,他的壳被碰破了一块。
黑驴赶紧对蜗牛说:”我碰了你,是因为黄牛先碰了我。”
接着,黄牛又怪白马,白马又怪大象,大象又怪那根绳子。
蜗牛叹口气,说:”不用怪他怪你了,反正谁也赔不了我的损失。我的屋子是没法修补的,雨会滴滴答答漏进来,一辈子都是这样了。”
蜗牛慢馒爬开去。
大象、白马、黄牛和黑驴站在那儿,一句话都说不出来。
ผู้เขียน Yi Ming(ไม่ปรากฏนามผู้แต่ง)
แปลและเรียบเรียง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เมชฌ สอดส่องกฤษ

แมวคร่อก ๆ กับหมา ฮัดเช้ย 呼噜猫和阿猜狗

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีแมวตัวหนึ่ง กับหมาตัวหนึ่ง ชอบฟังดนตรีมาก ทั้งสองอาศัยอยู่ในตึกเดียวกัน และกลายเป็นเพื่อนรักกันมานาน
เจ้าเหมียวน่ะเหรอ ชื่อว่า คร่อกๆ ส่วนเจ้าหมา ชื่อว่า ฮัดเช้ย
เจ้าเหมียวชอบนอนกรนเหมือนกับแมวที่บ้านพวกเรานี่แหละ พอนอนหลับก็จะกรนเสียงดัง คร่อก ๆ ๆ ส่วนเจ้าหมาฮัดเช้ยน่ะเหรอ ก็เหมือนกับหมาของทุกคนนั่นแหละ เป็นโรคเกี่ยวกับจมูกบ่อยๆ ชอบจามอยู่เป็นประจำ “ฮัดเช้ยๆ ๆ” ท่าทางจะโล่งจมูกเหลือเกิน
เจ้าเหมียวกับหมาถึงแม้จะเป็นเพื่อนรักกัน แต่ก็ทะเลาะกันอยู่บ่อยๆ
เจ้าเหมียวไม่ชอบให้มีใครมาจามใส่ ก็เพราะเจ้าหมาชอบจามนี่แหละ ทำเอาจมูกของเจ้าเหมียวรู้สึกคันๆอยากจามไปด้วย แต่เจ้าหมาก็ไม่ชอบเสียงกรนเหมือนกัน เมื่อใดที่ยินเสียงกรน ก็จะรู้สึกไม่มีสมาธิ จะจามก็จามไม่โล่ง
เพื่อนรักทั้งสองมักจะทะเลาะกันเพราะเรื่องนี้อยู่เป็นประจำ จนบางครั้งถึงกับไล่ตีกันไปมาเป็นประจำ
อยู่มาวันหนึ่ง เจ้าหมาฮัดเช้ยสุดที่จะอดทนได้ ก็ไล่เจ้าเหมียวออกไปนอกตึก
เจ้าหมาฮัดเช้ยเอากระดาษขึ้นมาปูบนโต๊ะ เตรียมจะเขียนเพลงไพเราะขึ้นมาเพลงหนึ่ง เพื่อเตรียมจะเอาไปบรรเลงในงานวันตรุษจีน
แต่ในขณะที่เจ้าหมาฮัดเช้ยกำลังจะจรดปากกาเขียนโน้ตตัวแรกอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงกรน คร่อกๆ ดังมาจากนอกตึก ที่แท้ก็เป็นเจ้าเหมียวนอนหลับกรนคร่อก ๆ อยู่นอกตึกนี่เอง
“คร่อก ๆ ฟี้…” เสียงนี้ก็น่าสนใจดีเหมือนกันนะเนี่ย
หมาฮัดเช้ยติดใจกับเสียงกรนนั้น จึงเขียนเพลงขึ้นมาเพลงหนึ่งชื่อเพลง “เพลงแมวกรน”
มันเพิ่งจะเขียนเพลงเสร็จ แมวคร่อก ๆ ก็ตื่นขึ้นมา เจ้าเหมียวก็อยากจะเขียนเพลงขึ้นมาบ้างเหมือนกัน
เจ้าเหมียวคร่อกๆเอากระดาษขึ้นมาปูบนโต๊ะ เตรียมจะเขียนเพลงไพเราะขึ้นมาเพลงหนึ่ง เพื่อเตรียมจะเอาไปบรรเลงในงานวันตรุษจีน
ถึงตอนนี้ เจ้าหมาฮัดเช้ยอยู่ข้างนอก โดนลมเย็นพัดมาทีสองที ก็จามเสียงดัง “ฮัดเช้ย ๆ ๆ”
เจ้าเหมียวได้ยินก็รู้สึกว่า น่าสนใจดีแฮะ ก็เลยเขียนเพลงชื่อ “เพลงหมาฮัดเช้ย”
บนเวทีคอนเสริตตรุษจีน แมวคร่อก ๆ ร้องเพลง “แมวคร่อก ๆ ” โดยมีเจ้าหมาฮัดเช้ยเป็นคนดีดกีต้าร์
“คร่อก ๆ ฟี้ๆ คร่อก คร่อก คร่อก ฟี้ ฟี้ ฟี้…. ”
เสียงเพลงเรียกเสียงปรบมือดังลั่น เด็กๆผู้หญิงชอบเพลงนี้กันมาก
แล้วเจ้าหมาฮัดเช้ยล่ะ ก็ร้องเพลง “หมาฮัดเช้ย” โดยมีเจ้าเหมียวคร่อกๆ บรรเลงเปียโนให้
“ฮัดเช้ย ฮัด เช้ย ฮัดเช้ย ฮัด ๆ ๆ เช้ยๆ ๆ ”
คงไม่ต้องบอกว่าบรรดาเด็กผู้ชายจะชอบเพลงนี้มากแค่ไหน ปรบมือกันจนมือแดงเลย
เพื่อนรักทั้งสองก็ได้รับรางวัลใหญ่ในคอนเสริตครั้งนี้ไปครอง
เพลงของทั้งสองได้รับการบันทึกแผ่นเสียง ขายดิบขายดี พวกมันมีเงินร่ำรวยขึ้นมา ต่างคนต่างแยกย้ายกันไปสร้างบ้านของตัวเองอยู่บนทุ่งหญ้า
แต่ไม่ได้หรอก พวกมันเพิ่งจะแยกจากกันไม่ถึงสองวัน ก็รู้สึกไม่สบายเนื้อสบายตัว หมาฮัดเช้ยไม่ได้ยินเสียงกรนคร่อก ๆ ก็กินข้าวไม่อร่อย ส่วนเจ้าเหมียวคร่อกๆ ไม่ได้ยินเสียงจามของเจ้าหมาฮัดเช้ย แม้แต่กรนก็กรนไม่ออกเลย
ต่อมา หมาฮัดเช้ยก็ไปพักที่บ้านเหมียวคร่อก ๆ ครึ่งเดือน ต่อมา เหมียวคร่อก ๆ ก็มาพักที่บ้านหมาฮัดเช้ยอีกครึ่งเดือน เพราะพวกมันเป็นเพื่อนรักที่แยกจากกันไม่ได้นี่เอง
มีความลับอะไรจะบอก คอนเสริตฤดูร้อน พวกเค้าทั้งสองก็เขียนเพลงเสร็จแล้วด้วยนะ หนูๆทายกันได้มั้ย ว่าเค้าทั้งสองเขียนเพลงอะไร
เหมียวคร่อกๆเขียนเพลง “เพลงสวนสวนสนามฮัดเช้ยๆ”
หมาฮัดเช้ยเขียนเพลง “เพลงเต้นรำคร่อกๆ ฟี้ๆ”
รอจนถึงวันนั้น พวกเรามาฟังเพลงนี้ด้วยกันนะ
从前啊,有一只猫和一只狗,他们都喜欢音乐,又都住在一幢楼里,因此成了好朋友。
猫呢,叫呼噜猫;狗呢,叫阿猜狗。
呼噜猫喜欢打呼噜,就像你们家的那只猫一样,一睡觉就呼噜、呼噜打呼噜。阿猜狗呢,就像我们家的那只狗一样,鼻子有点小毛病,老爱打喷嚏,”阿-猜,阿-猜”,打得非常痛快。
狗和猫很要好,但也常吵架。
呼噜猫讨厌打喷嚏,因为阿猜狗一打喷嚏,她觉得自己的鼻子也跟着痒痒起来,好像要打喷嚏一样;阿猜狗呢,讨厌打呼噜,他一听呼噜猫打呼噜,就心神不定,连喷嚏也打不痛快。
他们常为这件事闹别扭,有时甚至你追我赶地打起架来。
有一天啊,阿猜狗实在太气愤了,就把呼噜猫赶到门外去。
阿猜狗在桌子上铺上纸,他想写一首很优美的曲子,准备到春季音乐会上去演奏。
他正想落笔的时候,忽然听见门外传来轻微的呼噜声,原来呼噜猫在大门外睡着了,她又打起呼噜来。
“呼噜,呼噜……”这声音还真有趣。
阿猜狗被吸引住了,他就写了一首《猫打呼噜之歌》。
他刚写好歌,呼噜猫睡醒了。等阿猜狗一开门,她就把阿猜狗撵了出去,把门关上了。
呼噜猫也铺开纸,她想写一首歌,到春季音乐会上演唱。
这时,阿猜狗在门外,被凉风一吹,就打起喷嚏来:”阿一猜,阿-猜!”
呼噜猫觉得挺有趣,就写了一首《狗打喷嚏之歌》。
春季音乐会上,呼咏猫在阿猜狗的吉他伴奏下,唱起《猫打呼噜之歌》——
“呼噜,呼噜,呼噜噜噜,噜噜呼呼……”
歌声引来一片掌声,女孩子们特别喜爱这首歌。
阿猜狗呢,在呼噜猫的钢琴伴奏下,也唱起了《狗打喷嚏之歌》-一
“阿猜阿猜阿猜猜,猜猜啊,阿猜猜……”
别提男孩子多么喜欢这首歌了,他们把手掌都拍红了。
这一对好朋友,棒走了音乐会的大奖杯。
他们的歌还被灌成唱片,销路非常好,他们有了钱,各自在草地上盖了一幢新房子。
可是不行,他们分开才两天,就浑身不舒服,阿猜狗听不到呼噜猫的呼噜,吃饭也不香;呼噜猫呢,听不到阿猜狗的喷嚏,连呼噜也打不起来了。
后来呢,阿猜狗先到呼噜猫的新房子里住半个月,然后呢,呼噜猫再到阿猜狗的新房子里住半个月,他们还是难分难舍的好朋友。
告诉你一个秘密,他们连夏季音乐会上演奏的曲子都写好了,你猜他们写出了什么?
呼噜猫写的是:《阿猜阿猜进行曲》。
阿猜狗写的呢,是:《呼噜噜,呼噜噜圆舞曲》。
到时候请你再来欣赏吧!
ผู้เขียน Yi Ming(ไม่ปรากฏนามผู้แต่ง)
แปลและเรียบเรียง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เมชฌ สอดส่องกฤษ

เหมียวคร่อกๆ กับแม่มดเหยี่ยว 呼呼噜和猫头鹰巫婆

แมวเหมียวตัวลายนอนกรนคร่อกๆ มันชอบจินตนาการ
เหมียวหง่าวๆ วันๆ กินอื่มแล้ว ก็เข้าสู่ความฝันถึงวันวาน มันจะหลับฝันอยู่นานเชียวล่ะ
เหมียวคร่อกๆ ฝันไปว่า มันเป็นพระราชา เป็นเศรษฐีผู้ร่ำรวย แล้วยังฝันว่าได้พบกับเจ้าหญิงผู้เลอโฉม แล้วยังฝันไปว่ามีวิมานอันโอ่อ่า งดงาม
เหมียวหง่าวๆได้ข่าวมาว่า ในป่ามีแม่มดเค้าแมวผู้หนึ่ง แม่มดผู้นี้มีคาถาวิเศษ เพียงแค่ท่องคาถาก็สามารถทำให้สมตามความปรารถนา
ดังนั้น เหมียวหง่าวๆจึงไปหาแม่มดเค้าแมว มันบอกกับแม่มดว่า “คุณย่าเค้าแมวขอรับ ขอให้ท่านช่วยให้ความฝันของผมเป็นจริงด้วยเถอะครับ ให้ผมได้มีความสุขที่แท้จริงตามความฝันด้วยเถิด ”
แม่มดเค้าแมวพูดว่า “ข้าทำให้ความฝันของเจ้าเป็นจริงได้แน่ ข้าท่องคาถาจบเจ้าก็กลับไปลองดูก็แล้วกัน”
“โอม…มีมาเมอ มีมาเมอ มีมาเมอ เพี้ยง”
พอนกเค้าแมวท่องมนตร์จบ เจ้าเหมียวลายก็วิ่งปรู๊ดกลับไปบ้านทันที
เจ้าเหมียวนอนอยู่บนเตียง คิดฝันไปว่าตนเองมีวิมานอันโอ่อ่ามโหฬาร และแล้ววิมานอันโอ่อ่ามโหฬารก็ปรากฏขึ้นข้างกายในฉับพลัน
เจ้าเหมียวคิดว่าในวิมานจะต้องมีเครื่องเรือนที่สวยงามมาๆ
ทันใดนั้น ในวิมานของมันก็มีเครื่อนเรือนสวยงามปรากฏขึ้นในทันที
เจ้าเหมียวคิดว่า ในลิ้นชักแต่ละอัน ในตู้แต่ละหลังจะต้องมีของเล่นสนุกๆ และของกินอร่อยๆ
และแล้ว…….
สิ่งที่เจ้าเหมียวหง่าวๆ อยากได้ล้วนปรากฏขึ้นมาในวิมานทีละอย่างๆ เจ้าหง่าวหยุดจินตนาการชั่วครู่ เพราะอยากจะนอนลงบนเตียงเพื่อเสพสุขกับผลสำเร็จจากจินตนาการของตัวเอง
แต่เมื่อเท้าของเจ้าหง่าวเพิ่งจะสัมผัสกับพื้น วิมาน เครื่องเรือน ของเล่น และของกินก็หายวับไปกับตา
เจ้าหง่าวก็ลองจินตนาการอีกครั้ง ทุกครั้งก็เป็นเช่นนี้
เจ้าหง่าวรู้สึกผิดหวังอย่างมาก จึงไปหาแม่มดเค้าแมว
แม่มดเค้าแมวบอกว่า “ทำได้แค่นี้ล่ะเจ้าหนู สิ่งที่สร้างขึ้นมาจากจินตนาการ ก็ใช้ได้แต่ในจินตนาการเท่านั้น เพียงแค่เท้าของเจ้าสัมผัสพื้นที่แท้จริง สิ่งเหล่านั้นก็จะเลือนรางไปเหมือนกับสายลม ถึงจะมีคาถาที่วิเศษกว่านี้ ก็ช่วยอะไรเจ้าไม่ได้หรอก”
แม่มดเค้าแมวพูดกับเจ้าหง่าวที่คอตกด้วยความผิดหวังว่า “ถ้าเจ้าอยากจะมีความสุขกับสิ่งที่เป็นจริง ก็ต้องสร้างมันขึ้นมาด้วยความจริง เรือนที่เจ้าสร้างขึ้นมาด้วยอิฐทีละก้อน หินทีละก้อน สะสมทรัพย์สมบัติมาด้วยหยาดเหงื่อแรงกายทีละเล็กละน้อย ไม่ว่าคาถาขลังแค่ไหน ก็ไม่สามารถทำให้สิ่งเหล่านี้หายไปได้เลย”
แม่มดเค้าแมวพูดกับเจ้าหง่าวต่ออีกว่า “นี่เป็นคาถาที่วิเศษที่สุดที่ข้าสอนเจ้า เจ้าเข้าใจหรือไม่”
“ผมเข้าใจแล้วครับ” เจ้าหง่าวนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ มือลูบคาง แล้วก็งึมงำ ๆ พูดกับตัวเองว่า
“ฉันควรจะทำตามที่แม่มดเค้าแมวบอก สร้างความจริงด้วยความขยัน หรือว่าจะวาดฝันของฉันต่อไปดีนะ”
แล้วหนูๆล่ะ คิดว่าเจ้าหง่าวควรจะทำอย่างไรดี
小花猪呼呼噜,他很爱幻想。
呼呼噜每天吃饱了,喝足了,在进入梦乡以前,他都要幻想好一阵子——
他幻想自己成了一个国王,成了一个富翁,他还幻想自己遇到了一位漂亮的公主,还拥有一座五色的城堡……
呼呼噜听说,树林里有一位猫头鹰巫婆,她有着神奇的魔法,她只要一念咒语,就能让人们实现自己的愿望。
呼呼噜去找猫头鹰巫婆。他说:”猫头鹰奶奶,请让我的幻想,都变成真的,让我享受一下幻想的成果吧。”
猫头鹰巫婆说:”我当然能满足你的愿望。我念完咒语,你回去试试吧。”
“嘛米么,米嘛么,嘛嘛米么……”
猫头鹰巫婆念起了咒语。
猫头鹰一念完咒语,小花猪呼呼噜就飞也似的跑回家。
他躺在床上,想象自己有一座宏伟的城堡。果然,一座神奇的城堡一下子出现在他的身边。
他想城堡里应该有很多漂亮的家具。
果然,每个房间里都有了崭新的家具。
他想,每件家具的抽屉里、橱门里,都放着新奇有趣的玩具和好吃的东西。
果然……
呼呼哗想要的东西,都一件件出现在城堡里。呼呼噜停止了幻想,他想下床享受一下自己幻想的成果了。
可是,当他的脚刚一接触地面,这城堡,这家具,这玩具和好吃的东西,一下子都消夫得无影无踪。
小花猪呼呼噜又试了几次,每次都这样。
呼呼噜很失望,他去找猫头鹰巫婆。
猫头鹰巫婆说:”只能是这样。你在幻想中创造出来的东西,只能在幻想中享用。只要你的脚一踩实地,那些东西就像风一样地消失,即使再有魔力的咒语,也都帮不了忙。”
猫头鹰巫婆看着垂头丧气的呼呼噜说:
“假如你要享受实际存在的东西,你只有实际地去创造。你用一砖一瓦造的房子,你用一点一滴的努力积累下来的财富,再厉害的咒语也不能使它消失……”
猫头鹰巫婆看着若有所思的呼呼噜说:
“这是我教你的最有用的咒语,你懂了吧!”
“我懂了!”小花猪呼呼噜坐在一棵大橡树下,他手托着下巴,在自言自语:
“我是应该像猫头鹰奶奶说的那样,去现实世界努力呢,还是继续我的幻想……”,
小朋友,你说呼呼噜该怎么办呢?
ผู้เขียน Yi Ming(ไม่ปรากฏนามผู้แต่ง)
แปลและเรียบเรียง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เมชฌ สอดส่องกฤษ

สมาชิกตัวสำรอง 候补队员

สัตว์ตัวน้อยๆมักจะรวมตัวกันเตะฟุตบอลกันอยู่บ่อยๆ
น้องหมีก็ชอบเตะฟุตบอลเหมือนกัน แต่ว่ามันวิ่งช้ามาก อุ้ยๆอ้ายๆ ตามลูกบอลไม่ทัน บางครั้งควรจะเตะบอลเข้าประตู แต่มันก็เตะออกนอกขอบสนามไปเสียนี่ พอต่อมาลูกบอลมาถึงน้องหมี ทุกคนก็ตะโกนว่า “บอลเสีย บอลเสีย” แต่น้องหมีก็ไม่โกรธ ก็เพราะว่าน้องหมีชอบเตะบอล ถึงแม้ว่าไม่มีใครส่งบอลให้น้องหมี แต่น้องหมีก็วิ่งไปมาๆอยู่ข้างหลัง
เมืองสัตว์น้อยน่ารักก่อตั้งทีมฟุตบอลขึ้น น้องหมีก็ไปสมัครเข้าร่วมทีมกับเขาด้วย
ทีมสีแดงเลือกนักฟุตบอล 10 คน ทีมน้ำเงินก็เลือกนักฟุตบอล 10 คน ไม่มีทีมไหนเลือกน้องหมีเลย
“ผมอยู่ทีมไหนเหรอฮะ” น้องหมีร้องถามด้วยความร้อนใจ
“แกน่ะเหรอ เป็นตัวสำรองก็แล้วกัน ฮิฮิ” เจ้าลิงเกเรหัวเราะเยาะ
“แล้วผมจะได้ลงสนามเตะบอลมั้ยฮะ” น้องหมีถามต่อ
“แน่นอน ไม่ว่าทีมไหนขาดคนขึ้นมาเมื่อไหร่ นายก็จะได้ลงเล่น” เจ้าลิงร้องตอบ
“อ๋อ ดีจังเลย” น้องหมีพึมพำๆด้วยความดีใจ
การซ้อมเริ่มต้นขึ้นแล้ว
ทุกคนถอดเสื้อผ้ากองโตให้น้องหมีเฝ้า น้องหมีก็พับเสื้อผ้าแต่ละตัวเก็บให้เรียบร้อย แล้วก็กอดเสื้อผ้าเอาไว้ ตอนที่เพื่อนๆเตะบอล น้องหมีก็ตะโกนสุดแรงว่า “สู้ ๆ ” หมดแรงมากกว่าลงไปเตะบอลเองเสียอีก
บางครั้ง ลูกบอลลอยออกไปนอกสนามไกลๆ ไม่มีใครยอมวิ่งไปเก็บ ก็จะตะโกนเรียก “น้องหมี ช่วยเก็บบอลกลับมาหน่อยสิ” น้องหมีก็จะรีบวิ่งไปเก็บบอลมาทันที รีบวิ่งให้เร็วที่สุดเอาลูกบอลมาคืน เพื่อให้เพื่อนๆได้รีบเตะบอลต่อไป ทุกครั้งที่ทุกคนซ้อมบอลเสร็จ น้องหมีก็เหนื่อยจนหมดแรง
วันเวลาผ่านไปเรื่อยๆ ฝีเท้าของทีมฟุตบอลก้าวหน้าไปมาก ความสามารถในการวิ่งเก็บบอลของน้องหมีก็ดีขึ้นด้วยเช่นกัน ถ้ามีใครเรียก “น้องหมี ช่วยเก็บบอลมาให้หน่อย” น้องหมีก็จะรีบวิ่ง “เฟี้ยว” ไปเก็บมาให้ได้อย่างรวดเร็ว แล้วก็เตะลูกบอลไปให้ผู้รับ แถมยังเตะได้อย่างแม่นยำด้วยนะ เพื่อนพากันชมน้องหมี “อืม ความสามารถในการเก็บบอลของนานดีขึ้นทุกวัน” น้องหมีได้ยินดังนั้นก็หัวเราะ เหอๆ ๆ ด้วยความชอบใจ
มาถึงวันนี้ เป็นวันลงแข่งจริงแล้ว น้องหมีมาถึงสนามแต่เช้าก่อนใครเพื่อน เพราะว่าน้องหมีจะรีบมาฝึกซ้อมการเก็บบอลนั่นเอง
อันดับแรกน้องหมีเตะบอลออกไปจากเส้นขอบสนาม “นี่เป็นบอลที่เจ้าโฮ่งเตะออก ตุ๊บ” แล้วน้องหมีก็วิ่งตามลูกบอล ตะโกนบอกว่า “ลูกบอลเก็บมาแล้ว ตุ๊บ” แล้วน้องหมีก็เตะบอลเข้าสู่สนาม
“นี่เป็นบอลที่เจ้าเหมียวเตะออก ตุ๊บ” แล้วน้องหมีก็วิ่งตามลูกบอล ตะโกนบอกว่า “ลูกบอลเก็บมาแล้ว ตุ๊บ”
เตะไปเตะมา จนน้องหมีลืมเรื่องราวทุกอย่าง
เพื่อนๆมาถึงกันแล้ว “ว้าว การฝึกเก็บบอลของน้องหมี ฝึกแบบนี้เองหรือนี่” เพื่อนๆยืนมองด้วยความตะลึง
“น้องหมีเตะบอลเข้าประตูได้มั้ย” เจ้าลิงร้องถาม
“เดี๋ยวฉันลองดู” น้องหมีพูดจบก็โยนบอลลงที่เท้า แล้วก็ “ตุ๊บ” เตะบอลเข้าประตูอย่างแม่นยำ
“โอ้โห ช่างเป็นนักบอลที่วิเศษจริงๆเลย” เพื่อนๆต่างพากันชมน้องหมีกันใหญ่
“นี่ๆ มาเป็นสมาชิกในทีเราสิ”
เพื่อนๆต่างพากันแย่งน้องหมีไปเป็นสมาชิกในทีมฟุตบอลของตัวเอง
“อ้อ ฉันต้องเก็บบอลน่ะ” น้องหมีตอบอย่างเกรงใจ
“เฮ้อ ไม่น่ามองข้ามน้องหมีเลย คิดถึงตอนที่พวกเราใช้น้องหมีวิ่งไปวิ่งมาเก็บลูกบอล เพื่อนๆต่างรู้สึกผิดอย่างมาก”
“เฮ้ พวกเราเปลี่ยนกันเป็นคนเก็บบอลก็แล้วกัน” เจ้าลิงออกความเห็น
“ถ้างั้น ฉันควรจะไปอยู่ในทีมไหนล่ะ” น้องหมีถาม
“อิอิ ง่ายนิดเดียว ครึ่งแรกนายเตะทีมแดง ครึ่งหลังก็เตะทีมน้ำเงิน” เจ้าลิงออกความคิด
“อ๋อ ที่แท้ตัวสำรองก็เป็นแบบนี้นี่เอง” น้องหมีพูดด้วยความดีใจ เพื่อนๆต่างพากันหัวเราะชอบใจอย่างมีความสุข
小动物们常常在一起踢足球。 小熊也喜欢踢足球,不过他跑得很慢,常常追不上球。有时球该往球门里踢,他会一脚踢到界外去。后来球一到他的脚下,大家就喊:”臭啊!臭啊!”可是小熊不生气,他就是喜欢踢足球。别人不把球传给他,他就跟在别人后面跑来跑去。
小动物村成立足球队了,小熊也去报名。红队挑了10名队员,蓝队挑了10名队员,哪个队也没挑小熊。
“我算哪个队的队员呢?”小熊着急地问。
“你呀,当候补队员吧!嘻嘻!”小猴说。
“我能上场踢球吗?”小熊问。
“当然啦,不管哪个队缺人,你都可以上场!,小猴说。
“噢,太好啦!”小熊听了很高兴。
训练开始了。
大家把一大堆衣服交给他。小熊就把衣服一件件整理好,抱在怀里。别人踢球的时候,他就拼命地喊”加油”,真比他自己踢球还要卖力呢:
有时候,球被踢到界外好远好远的地方,谁也不高兴去捡,就喊:”小熊,帮忙把球捡回来!”小熊马上就跑去捡。尽可能地跑得快点,好让大伙儿赶快接着踢。每次大家练完了球,小熊也累得要命。
日子一天天地过去了,大伙儿的球艺进步得快,小熊捡球的本领也提高了不少。如果谁叫:”小熊,帮忙把球捡回来!”他就会飞跑过去,”啪”的一脚把球停下来,然后把球踢到人家的怀里,而且踢得绝对准确,大伙儿都夸他,”嗯,你捡球的本领真是越来越高啦 “小熊听了就憨憨地笑。
这天要正式比赛了,小熊早早地来到球场。他要再练练捡球的本领。
他先一脚把球踢出了界外:”这是小狗踢的球:””——砰!”然后,他追上球说:”球捡回来啦!””——评!”又一脚把球踢回球场。
“这是野猫踢的球!””——砰!””球拾回来啦!”
踢呀,踢呀,他把什么都忘记了,小动物们也来了。哇,小熊捡球的本领原来是这么练的呀!大伙儿都看愣了。
“小熊,能把球踢到球门里吗?”小猴问。
“我试试吧 “小熊说完,把球”啪”的定在脚下,然后”砰”的一脚,踢进了球门。
“哈,真是个天才的足球队员呀 “大伙儿说。
“哎,来我们队踢球吧!”
“还是来我们队好!”  大伙儿七嘴八舌地说。
“噢,我还得捡球呢!”小熊有些为难地说。
咳,真不该看不起小熊呀!想到总是让小熊跑来跑去地捡球,大伙儿心里都有些歉意了。
“哎,大伙儿都轮流捡球就是啦!”小猴说。
“那,我该去哪个队踢球呢?”小熊问。
“嘻嘻,好办,好办。上半场你踢红队,下半场你踢蓝队!”小猴想了个好办法。
“哈,原来这就是候补队员呀!”小熊开心地说。大伙儿也笑了。
ผู้เขียน Yi Ming(ไม่ปรากฏนามผู้แต่ง)
แปลและเรียบเรียง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เมชฌ สอดส่องกฤษ