Posted on November 2, 2020 by adminเป็ดสี่ตำลึงปากครึ่งชั่ง 四两鸭子半斤嘴 เป็ดจอมโว วันๆ เอาแต่แหงนหน้ามองฟ้า นกนางแอ่นถามเจ้าเป็ดจอมโวว่า“พี่สาว พี่อยากบินขึ้นฟ้าหรือไง”“ใช่แล้ว” เป็ดสาวจอมโม้ตอบ “ฉันกำลังดูว่าใครบินได้สูงที่สุด ฉันจะบินให้สูงกว่าเขา”นกนางแอ่น :ฉันบินได้สูงกว่านกกระจิบ แต่หงส์บินได้สูงกว่าฉันเป็ดจอมโว :มีใครที่บินได้สูงกว่าหงส์อีกมั้ยนกนางแอ่น :อันนี้ต้องลองตรวจสอบดูสักหน่อยเป็ดจอมโว :เธอจะต้องตรวจสอบให้แน่นอน ปีหน้าฟ้าใหม่มาบอกฉันด้วยปีต่อมา นกนางแอ่นบินกลับมา บอกว่า “ฉันรู้แล้ว บินสูงกว่าหงส์ คือห่านฟ้า“ไม่มีใครบินได้สูงกว่าห่านฟ้าอีกแล้วแน่นะ”เป็ดจอมโวก็ถามซ้ำๆเพื่อความมั่นใจ นกนางแอ่นก็ตอบด้วยความมั่นใจ ปีที่สามก็มาบอกอีกว่า บินได้สูงกว่าห่านฟ้า คือ นกกระจอกเมฆ ปีที่สี่ ก็มาบอกอีกว่า บินได้สูงกว่านอกกระจอกเมฆคือ หงส์ตัวผู้ ในที่สุดเป็ดจอมโวก็พยักหน้าด้วยความเข้าใจ พร้อมกับพูดว่า“ถ้าเช่นนั้น ฉันจะบินให้สูงกว่าหงส์ตัวผู้ให้ได้”นกนางแอ่นคิดไปคิดมา ก็พูดว่า “เธออยากรู้ไหม ว่าหงส์ตัวผู้บินขึ้นฟ้าได้ยังไง”เป็ดจอมโวก็คิดไปคิดมาแล้วก็พูดว่า “อยากรู้สิ เพราะนี่จะทำให้ฉันรู้ว่า จะบินยังไงให้สูงกว่าหงส์ตัวผู้ ใช่หรือเปล่าล่ะ”นกนางแอ่นพาเป็ดจอมโวไปที่ถนนบนภูเขาสูง พวกมันบินลงไปจากที่นี่ ก็จะสามารถมองเห็นพญาเหยี่ยวที่เกาะอยู่บนหน้าผาฝั่งนู้น ผลักลูกหงส์ตัวเล็กๆลงไปในเชิงเขาลึก หงส์ฟ้าตัวน้อยลอยอยู่ในอากาศสักครู่ก็กางปีกออก บินข้ามยอดภูผา บินขึ้นสู่ท้องนภาเป็ดจอมโวเห็นดังนั้นก็พูดว่า “อ้อ ที่แท้ลูกเหยี่ยวบินขึ้นจากหน้าผานี่เอง แต่ตอนนี้ฉันยืนอยู่สูงกว่าพวกมัน ถ้าจะบินให้สูงกว่าพวกมันก็ไม่เป็นปัญหาแน่นอน”นกนางแอ่นคิดในใจว่า คราวนี้ ถึงทีเจ้าเป็ดจอมโวจะบินแล้วล่ะ แต่พอมันบินกลับมาเป็นครั้งที่ห้า ก็พบว่า เจ้าเป็ดจอมโวก็ยังคงแหงนหน้ามองฟ้า นกนางแอ่นรี่เข้าไปถาม“พี่สาว ทำไมพี่สาวถึงยังไม่บินเสียทีล่ะ”เป็ดจอมโวก็ตอบว่า “ฉันก็กำลังจะถามเธออยู่นี่ไง เธอไม่รู้หรือไงว่าเครื่องบิน บินได้สูงกว่าเหยี่ยวเสียอีก ทำไมเธอไม่บอกฉันตั้งแต่แรกล่ะ”นกนางแอ่นตอบว่า “ฉันเชื่อว่า จะต้องมีสิ่งที่บินได้สูงกว่าเครื่องบินเป็นแน่ แต่ว่าเธอเป็นเป็ดอายุห้าขวบแล้ว เธอจะรอไปถึงเมื่อไหร่”เป็ดจอมโวส่ายหัวไปมา แล้วบอกว่า “ปัญหาอยู่ที่ ฉันจะบินให้สูงที่สุด บินสูงที่สุดไม่ได้ ก็เปล่าประโยชน์สิ้นดี”จนกระทั่งเป็ดจอมโวรู้ว่าจรวดบินได้สูงที่สุด ขนก็ร่วงหมดตัวเสียแล้ว家鸭常常歪着脑袋张望天空。燕子问她:“大姐!你想飞起来吗?”“是的。”家鸭回答。”我正在研究谁飞得最高,我想超过他。”燕子说:”我比麻雀飞得高,大雁比我飞得高。”家鸭问:”有没有比大雁飞得还高的呢?”燕子说:”这需要调查一下。”家鸭说:”你一定要调查清楚,明年再来的时候告诉我。”第二年,飞回来的燕子说:”我弄明白了,比大雁飞得高的是天鹅。”“有没有比天鹅飞得还高的呢?”……家鸭就这样反复问,燕子逐一做了回答:第三年说比天鹅飞得高的是云雀,第四年说比云雀飞得高的是雄鹰。家鸭总算明白地点了点头,说:“那么,我一定要比雄鹰飞得还高。”燕子想了想,说:”你愿意知道雄鹰是怎样往高处飞的吗?”家鸭也想了想,说:”愿意。这能帮助我了解怎样才能超过他,是不是?”燕子领家鸭来到一处高山公路,他们从这里向下望去,可以看见对面的悬崖上站着一只老鹰,正把一只小鹰推向深谷,小鹰在空中摇晃了几下,终于展翅飞翔,翻过了悬崖,跃上了蓝天。家鸭看到这里,说:”原来小鹰是从悬崖底下飞起来的。我现在站的地方比他起飞的地方高多了。看来,我超过他是不成问题的。”燕子以为,家鸭这次总该飞起来了。可当他第五次飞回来的时候,发现家鸭仍然在歪着脖子望天。燕子又问:“鸭大姐!你为什么还不飞呢?”家鸭埋怨道:”我正要问你呢——难道你不知道飞机比鹰飞得还高吗?这一点儿你为什么不早告诉我呢?”燕子说:”我相信一定会有比飞机飞得还高的东西。可你已经是只五岁的老鸭子了,你还有多少等待的时间呢?”家鸭摇了摇头,说:”问题是要飞得最高,飞不了最高,太没劲!”当家鸭知道火箭飞得最高的时候,身上的羽毛已经全掉光了。ผู้เขียน Yi Ming(ไม่ปรากฏนามผู้แต่ง)แปลและเรียบเรียง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เมชฌ สอดส่องกฤษ