เป็ดสี่ตำลึงปากครึ่งชั่ง 四两鸭子半斤嘴

เป็ดจอมโว วันๆ เอาแต่แหงนหน้ามองฟ้า นกนางแอ่นถามเจ้าเป็ดจอมโวว่า
“พี่สาว พี่อยากบินขึ้นฟ้าหรือไง”
“ใช่แล้ว” เป็ดสาวจอมโม้ตอบ “ฉันกำลังดูว่าใครบินได้สูงที่สุด ฉันจะบินให้สูงกว่าเขา”
นกนางแอ่น :ฉันบินได้สูงกว่านกกระจิบ แต่หงส์บินได้สูงกว่าฉัน
เป็ดจอมโว :มีใครที่บินได้สูงกว่าหงส์อีกมั้ย
นกนางแอ่น :อันนี้ต้องลองตรวจสอบดูสักหน่อย
เป็ดจอมโว :เธอจะต้องตรวจสอบให้แน่นอน ปีหน้าฟ้าใหม่มาบอกฉันด้วย
ปีต่อมา นกนางแอ่นบินกลับมา บอกว่า “ฉันรู้แล้ว บินสูงกว่าหงส์ คือห่านฟ้า
“ไม่มีใครบินได้สูงกว่าห่านฟ้าอีกแล้วแน่นะ”
เป็ดจอมโวก็ถามซ้ำๆเพื่อความมั่นใจ นกนางแอ่นก็ตอบด้วยความมั่นใจ ปีที่สามก็มาบอกอีกว่า บินได้สูงกว่าห่านฟ้า คือ นกกระจอกเมฆ ปีที่สี่ ก็มาบอกอีกว่า บินได้สูงกว่านอกกระจอกเมฆคือ หงส์ตัวผู้ ในที่สุดเป็ดจอมโวก็พยักหน้าด้วยความเข้าใจ พร้อมกับพูดว่า
“ถ้าเช่นนั้น ฉันจะบินให้สูงกว่าหงส์ตัวผู้ให้ได้”
นกนางแอ่นคิดไปคิดมา ก็พูดว่า “เธออยากรู้ไหม ว่าหงส์ตัวผู้บินขึ้นฟ้าได้ยังไง”
เป็ดจอมโวก็คิดไปคิดมาแล้วก็พูดว่า “อยากรู้สิ เพราะนี่จะทำให้ฉันรู้ว่า จะบินยังไงให้สูงกว่าหงส์ตัวผู้ ใช่หรือเปล่าล่ะ”
นกนางแอ่นพาเป็ดจอมโวไปที่ถนนบนภูเขาสูง พวกมันบินลงไปจากที่นี่ ก็จะสามารถมองเห็นพญาเหยี่ยวที่เกาะอยู่บนหน้าผาฝั่งนู้น ผลักลูกหงส์ตัวเล็กๆลงไปในเชิงเขาลึก หงส์ฟ้าตัวน้อยลอยอยู่ในอากาศสักครู่ก็กางปีกออก บินข้ามยอดภูผา บินขึ้นสู่ท้องนภา
เป็ดจอมโวเห็นดังนั้นก็พูดว่า “อ้อ ที่แท้ลูกเหยี่ยวบินขึ้นจากหน้าผานี่เอง แต่ตอนนี้ฉันยืนอยู่สูงกว่าพวกมัน ถ้าจะบินให้สูงกว่าพวกมันก็ไม่เป็นปัญหาแน่นอน”
นกนางแอ่นคิดในใจว่า คราวนี้ ถึงทีเจ้าเป็ดจอมโวจะบินแล้วล่ะ แต่พอมันบินกลับมาเป็นครั้งที่ห้า ก็พบว่า เจ้าเป็ดจอมโวก็ยังคงแหงนหน้ามองฟ้า นกนางแอ่นรี่เข้าไปถาม
“พี่สาว ทำไมพี่สาวถึงยังไม่บินเสียทีล่ะ”
เป็ดจอมโวก็ตอบว่า “ฉันก็กำลังจะถามเธออยู่นี่ไง เธอไม่รู้หรือไงว่าเครื่องบิน บินได้สูงกว่าเหยี่ยวเสียอีก ทำไมเธอไม่บอกฉันตั้งแต่แรกล่ะ”
นกนางแอ่นตอบว่า “ฉันเชื่อว่า จะต้องมีสิ่งที่บินได้สูงกว่าเครื่องบินเป็นแน่ แต่ว่าเธอเป็นเป็ดอายุห้าขวบแล้ว เธอจะรอไปถึงเมื่อไหร่”
เป็ดจอมโวส่ายหัวไปมา แล้วบอกว่า “ปัญหาอยู่ที่ ฉันจะบินให้สูงที่สุด บินสูงที่สุดไม่ได้ ก็เปล่าประโยชน์สิ้นดี”
จนกระทั่งเป็ดจอมโวรู้ว่าจรวดบินได้สูงที่สุด ขนก็ร่วงหมดตัวเสียแล้ว
家鸭常常歪着脑袋张望天空。燕子问她:
“大姐!你想飞起来吗?”
“是的。”家鸭回答。”我正在研究谁飞得最高,我想超过他。”
燕子说:”我比麻雀飞得高,大雁比我飞得高。”
家鸭问:”有没有比大雁飞得还高的呢?”
燕子说:”这需要调查一下。”
家鸭说:”你一定要调查清楚,明年再来的时候告诉我。”
第二年,飞回来的燕子说:”我弄明白了,比大雁飞得高的是天鹅。”
“有没有比天鹅飞得还高的呢?”
……
家鸭就这样反复问,燕子逐一做了回答:第三年说比天鹅飞得高的是云雀,第四年说比云雀飞得高的是雄鹰。家鸭总算明白地点了点头,说:
“那么,我一定要比雄鹰飞得还高。”
燕子想了想,说:”你愿意知道雄鹰是怎样往高处飞的吗?”
家鸭也想了想,说:”愿意。这能帮助我了解怎样才能超过他,是不是?”
燕子领家鸭来到一处高山公路,他们从这里向下望去,可以看见对面的悬崖上站着一只老鹰,正把一只小鹰推向深谷,小鹰在空中摇晃了几下,终于展翅飞翔,翻过了悬崖,跃上了蓝天。
家鸭看到这里,说:”原来小鹰是从悬崖底下飞起来的。我现在站的地方比他起飞的地方高多了。看来,我超过他是不成问题的。”
燕子以为,家鸭这次总该飞起来了。可当他第五次飞回来的时候,发现家鸭仍然在歪着脖子望天。燕子又问:
“鸭大姐!你为什么还不飞呢?”
家鸭埋怨道:”我正要问你呢——难道你不知道飞机比鹰飞得还高吗?这一点儿你为什么不早告诉我呢?”
燕子说:”我相信一定会有比飞机飞得还高的东西。可你已经是只五岁的老鸭子了,你还有多少等待的时间呢?”
家鸭摇了摇头,说:”问题是要飞得最高,飞不了最高,太没劲!”
当家鸭知道火箭飞得最高的时候,身上的羽毛已经全掉光了。
ผู้เขียน Yi Ming(ไม่ปรากฏนามผู้แต่ง)
แปลและเรียบเรียง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เมชฌ สอดส่องกฤษ