ตั๊กแตนตำข้าวเรียนวิชา 小螳螂学艺

เจ้าตั๊กแตนตำข้าวรูปร่างแข็งแกร่งบึกบึน มันมุ่งมั่นว่าเมื่อโตขึ้นจะต้องมีอนาคตไกลเป็นแน่ ก็เลยทำตัวมองไม่เห็นหัวใครเลย
อยู่มาวันหนึ่ง แม่ตั๊กแตนพูดกับเจ้าตั๊กแตนน้อยว่า “เจ้าก็โตขึ้นทุกวัน คิดจะทำอะไรแล้วหรือยัง”
เจ้าตั๊กแตนน้อยตอบว่า “มือของผมมีมีดคมสองด้าม อยากฝึกวิทยายุทธ์ อนาคตอยากเป็นวีรบุรุษผู้กล้าแกร่ง”
“ดีมาก มีใจแน่วแน่เด็ดเดี่ยว” และแล้ว แม่ตั๊กแตนก็ส่งเจ้าตั๊กแตนน้อยไปสำนักวิทยายุทธ์ของปรมาจารย์วานรเพื่อศึกษาศิลปะการต่อสู้
เจ้าตั๊กแตนน้อยภาคภูมิใจยิ่งนัก ตั้งมั่นว่าจะต้องประลองยุทธ์กับปรมาจารย์วานรให้จงได้ แต่ท่านปรมาจารย์วานรกลับให้ลูกศิษย์ที่ตัวเล็กที่สุดมาประลอง
นึกไม่ถึงเลยว่า เจ้าลิงน้องสี่ มีวิทยายุทธ์แก่กล้า มีหมัดแข็งแกร่ง ตะลุมบอนเจ้าตั๊กแตนน้อยเสียจนน่วมไปหมดทั้งตัว แถมยังขาหักอีกข้างหนึ่งด้วย
เจ้าตั๊กแตนถูกส่งเข้าไปรักษาอาการบาดเจ็บที่โรงพยาบาล ท่านปรมาจารย์วานรปลอบเจ้าตั๊กแตนน้อยว่า “เจ้าเด็กน้อย เจ้าลิงน้องสี่หมัดหนักไปหน่อย ทำร้ายเจ้าจนบาดเจ็บ รักษาเนื้อรักษาตัวให้หายดี ค่อยมาเรียนกับข้าใหม่นะ”
เจ้าตั๊กแตนน้อยหน้าแดง พูดว่า “อาจารย์ครับ ผมคงเรียนศิลปะวิทยายุทธ์ไม่ไหวแล้วล่ะ ผมอยากเปลี่ยนมาเรียนเป็นช่างไม้ดีกว่า”
เมื่อรักษาตัวหายดีแล้ว เจ้าตั๊กแตนก็อำลาปรมาจารย์วานร เดินทางไปฝากตัวเป็นศิษย์กับท่านอาจารย์หมี ท่านอาจารย์หมีเห็นว่ามือทั้งสองข้างของเจ้าตั๊กแตนเหมือนกับเลื่อยแหลมคม จึงรับไว้เป็นศิษย์
อาจารย์หมีพูดกับเจ้าตั๊กแตนน้อยว่า “เจ้าเด็กน้อย ข้าจะทำลังไม้สองลัง เจ้าช่วยเลื่อยไม้กองนี้สักหน่อยก็แล้วกัน”
เจ้าตั๊กแตนน้อยก็เอามือเลื่อย เลื่อยไม้ เลื่อยอยู่นานแต่ทำยังไงก็เลื่อยไม้ไม่ขาดเสียที
ท่านอาจารย์หมีเห็นดังนั้นก็รู้สึกขัดหูขัดตา เกิดอะไรขึ้นเหรอเนี่ย ทำงานจะมาแกล้งทำเหลาะแหละอย่างงี้ไม่ได้นะ
“อาจารย์ครับ ดูแล้วผมคงทำงานช่างไม้ไม่ไหวแล้วล่ะครับ” เจ้าตั๊กแตนบอกลาอาจารย์หมี เดินคอตกกลับบ้าน
ยอดข้าวเขียวขจี ปลิวไสวอยู่ในทุ่งนา แม่ตั๊กแตนกำลังจับแมลงอยู่ในทุ่ง มองเห็นลูกกลับมาจากเรียนวิทยายุทธ์ ก็ดีอกดีใจรีบวิ่งไปรับลูก “ลูกจ๋า ลูกได้ไปร่ำเรียนวิชาอะไรกลับมาบ้าง”
เจ้าตั๊กแตนน้อยพูดกับแม่ว่า “แม่ครับ …ผมไม่ได้เรียนอะไรเลย ก็คงกลับมาเรียนจับแมลงกับแม่ดีกว่า”
แม่ตั๊กแตนฟังลูกเล่า ก็ไม่ได้ตำหนิติเตียนอะไร แล้วก็ยังบอกลูกอีกว่า “แบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะ ถ้าลูกเป็นนักจับแมลงมือฉมังละก็ จะต้องมีอนาคตไกลแน่ๆเลย”
นับแต่นั้นมา เจ้าตั๊กแตนน้อยก็ตั้งอกตั้งใจเรียนจับแมลงกับแม่ ในที่สุดมันก็กลายเป็นนักจับตั๊กแตนมือฉมัง เจ้าตั๊กแตนน้อยได้เรียนรู้และแสวงหาสิ่งที่เหมาะสมกับตัวเองได้แล้ว
小螳螂长得很威武,他认定自己长大了会有出息,所以谁也看不起。
一天,妈妈对小螳螂说:”你一天天地长大了,想干点什么呢?”
小螳螂说:”我手里有两把大刀,想练武,将来当个英雄!”
“好!有志气!”妈妈把他送到武术教师猴先生那里学习武艺。
小螳螂很骄傲,一定要跟猴先生比试比试武艺。猴先生让他最小的徒弟猴四和小螳螂比武。
没想到猴四的猴拳特别厉害,他三拳两脚就打伤了小螳螂的一条腿。
小螳螂被送进医院养伤,武术教师猴先生安慰他说:”孩子,猴四的手重,误伤了你,好好养伤,等你的伤好了再跟我学习武艺。”
小螳螂红着脸说:”老师,看来,我学不了武艺,我想改行学木匠。”
养好了伤,小螳螂向猴先生告辞,来到木匠熊先生那里拜师。熊先生见小螳螂手中的两把大刀像锯子,就收留了他。
熊先生对小螳螂说:”孩子,我要打两个箱子,请你把这几块木板锯开。”
小螳螂用自己手中的锯子锯呀,锯呀,锯了半天,也没有锯开一块木板。
熊先生不高兴了:”怎么搞的?于活可不能装样子啊!”
“老师,看来,我干不了木匠活儿。”他向熊先生告辞,垂头丧气地往家走去。
田野里,麦苗儿青青,螳螂妈妈正在田野里捉虫。她一眼看见学艺归来的儿子,高兴地迎了上去:”孩子,你学到了什么本领?”
小螳螂说:”妈妈……我什么也没有学到,还是跟您学习捕虫吧!”
妈妈听了儿子的诉说后,并没有责备小螳螂,而是说:”这样也好,你要是成了捕虫能手,也会很有出息的!”
从此,小螳螂专心跟妈妈学习捕虫,终于成为一名捕虫能手,他在生活中找到了适合自己的位置。
ผู้เขียน Yi Ming(ไม่ปรากฏนามผู้แต่ง)
แปลและเรียบเรียง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เมชฌ สอดส่องกฤษ