ลมในฤดูหนาว 冬天的风

น้องลมหนาว เป็นเด็กชายคนหนึ่งที่ชอบผิวปากและดื้อมาก เดี๋ยวก็พัดไปทางตะวันออก สักประเดี๋ยวเดียวก็วิ่งไปทางตะวันตก ไม่ว่าเด็กชายลมหนาวจะพัดไปทางไหน ที่นั่นก็จะครึกครื้นขึ้นมาทันที
เด็กชายลมหนาวชอบหยอกล้อกับคนมาก แต่น้องหมีกลัวหนาวมาก ถึงฤดูหนาวทีไร น้องหมีก็จะซ่อนตัวอยู่ในบ้านผิงไฟหน้าเตาผิง แต่น้องลมหนาวก็พัดหน้าต่างของน้องหมีสุดแรง เรียกให้น้องหมีออกมาเล่นปาหิมะกันข้างนอก
น้องหมีไปที่สวนหลังบ้าน และก็ร่วมกันกับน้องแกะขาว น้องกระต่ายปั้นหิมะเป็นก้อนโตๆ เด็กชายลมหนาวจอมซนก็พัดใบหน้าของน้องๆทั้งสาม ทำเอาจมูกของน้องๆแดงไปตามๆกัน
เหล่านกน้อยเกาะอยู่ที่เสาไฟฟ้า เปิดคอนเสริตฤดูหนาวขึ้น เด็กชายลมหนาวช่วยเล่นดนตรีประกอบราวกับเป็นนักดนตรีเอก
ค่ำคืนของฤดูหนาวดั่งม่านดำปกคลุมหมู่บ้านจนมืดสนิท เด็กชายลมหนาวก็พัดฉิวเหมือนกับนักเล่านิทานฝีปากเอก ไปเล่านิทานเก่าแก่ให้น้องหมี น้องแกะขาว น้องกระต่ายขาว รวมทั้งบรรดานกน้อยฟังอีกด้วย
ฟี้ววว……. ฟี้วววว………
เสียงเด็กชายลมเล่านิทานแบบนี้ทุกคืน
เด็กชายลมมีนิทานที่เล่าเท่าไหร่ก็ไม่มีวันจบ เล่าไปเรื่อยจนถึงฤดูใบไม้ผลิ หิมะละลาย ยอดสนผลิใบ
เด็กชายลมบอกลาน้องหมี น้องแกะขาว น้องกระต่ายขาว และบรรดานกน้อย
ลาก่อนทุกคน …
ลาก่อน
冬天的风,是个爱吹口哨的淘气的小男孩儿。他一会儿吹到东,一会儿跑到西,他到了哪儿,哪儿就会活跃起来。
冬天的风,特别爱跟人开玩笑。小棕熊特别怕冷,一到冷天他就钻在家里烤火炉。冬天的风使劲儿地拍打他的窗户,催他到外面做游戏打雪仗。
小棕熊来到院子里,跟小山羊、小白兔一起滚雪球。冬天的风调皮地揉搓他们的脸蛋,把他们的小鼻子揉得红红的。
小鸟们站在电线杆上举办冬季音乐会,冬天的风像一位神气的琴师为小鸟们伴奏。
冬天的夜晚,给山村笼罩了一张神秘的天幕。冬天的风像一位善讲故事的故事大王,给小棕熊、小山羊、小白兔和小鸟们倾诉着古老的传说故事。
呜——呜——
每天晚上,冬天的风都这样讲着。
冬天的风,肚里有讲不完的故事。一直讲到第二年开春冰雪消融,冻土松动。
冬天的风向小棕熊、小山羊、小白兔和小鸟们告别:
再见了——
再见——
ผู้เขียน Yi Ming(ไม่ปรากฏนามผู้แต่ง)
แปลและเรียบเรียง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เมชฌ สอดส่องกฤษ

ประลองกำลังหรือจะสู้ประลองปัญญา 斗力不如斗智

เด็กน้อยคนหนึ่งปลูกข้าวโพดไว้บนภูเขา ข้าวโพดฝักโตๆใกล้จะเก็บเกี่ยวแล้ว แต่กลับถูกหมีขโมยกินแล้วก็ทิ้งซังข้าวโพดไว้เต็มพื้น
เด็กน้อยตามไปคิดบัญชีกับเจ้าหมีจอมขโมย แต่เจ้าหมีกลับพูดอย่างไม่สนใจใยดีว่า
“ข้าวโพดของแกถูกฉันกินจนเกลี้ยง แล้วยังไงเหรอ”
เด็กน้อย : แกจะต้องชดใช้
หมีจอมขโมย : แล้วถ้าฉันไม่ชดใช้ล่ะ
เด็กน้อย : งั้นฉันจะสั่งสอนให้แกรู้สึก
หมีจอมขโมย : ฉันขอเตือน ว่าให้แกยอมอดทนซะเถอะ เพราะฉันน่ะมีพลังมหาศาล
เด็กน้อย : ฉันเคยได้ยินมาเพียงว่าหมีโง่ ไม่เคยได้ยินว่าหมีมีกำลัง
เจ้าหมีได้ยินดังนั้นก็โมโหมาก ชี้ไปที่โม่หินขนาดใหญ่อันหนึ่งแล้วพูดว่า
“เดี๋ยวฉันจะเอาโม่หินอันนี้โยนลงภูเขา แกก็จะรู้เองว่าฉันมีพละกำลังมากแค่ไหน”
ว่าแล้ว เจ้าหมีก็แบกโม่หินขึ้นบ่า เดินอวดพลังไปบนทุ่งหญ้าหนึ่งรอบ แล้วก็โยนโม่หินกลิ้งลงภูเขาไป เสียงโม่หินกลิ้งลงเขาเสียงดังลั่น เจ้าหมียืดอกด้วยความภาคภูมิใจ
เด็กน้อยพูดว่า “ก็แค่แบกโม่หิน ไม่เห็นจะมีพลังมากมายตรงไหนเลย ถอนต้นไม้ขึ้นมาได้ ถึงจะเรียกว่ามีพลัง”
“งั้นแกก็คอยดูก็แล้วกัน”
เจ้าหมีจอมขโมยพูดจบก็วิ่งไปถอนต้นไม้ อึ๊บ ๆ ๆ ออกแรงสุดกำลัง จนสามารถถอนต้นสนขึ้นมาได้
เด็กน้อยบอกว่า “แกลากต้นไม้ไปไว้ที่ทะเลสาบน้ำทางทิศตะวันออกไหวมั้ยล่ะ ถ้าแกสามารถโยนลงไปในทะเลสาบ ให้ขอนไม้ลอยได้เหมือนเรือ ฉันก็จะเชื่อแก”
เจ้าหมีหน้าโง่ได้ยินดังนั้นก็ลากต้นไม้ไปทิ้งลงทะเลสาบ แต่ว่า พอคิดจะขึ้นมาจากทะเลสาบมันเหนื่อยจนไม่เหลือเรี่ยวแรง ในที่สุดมันก็จมน้ำหายต๋อมไปในทะเลสาบ เด็กน้อยรีบกระโดดลงน้ำไป รวบหูของเจ้าหมีโง่เอาไว้ได้ ลากมันขึ้นมาจากน้ำ แต่มันก็สำลักน้ำจนเต็มท้องเลย
หมีจอมโง่ร้องขอชีวิต และตกลงยอมทำตามที่เด็กน้อยบอก เด็กน้อยให้เจ้าหมีโง่เรียนลากเกวียนเหมือนวัว ช่วยเด็กน้อยไถนาเพาะปลูก เพื่อเป็นการชดใช้ค่าเสียหาย
一个孩子在山上种了一片苞米。苞米快要成熟的时候,被狗熊发现了。狗熊钻进苞米地吃了一些,扔了一些,糟蹋了一地。
孩子找狗熊去讲理。狗熊满不在乎地说:
“你的苞米是让我给糟蹋了,你能把我怎么样呢?”
孩子说:”我要你包赔。”
狗熊说:”我若是不包赔呢?”
孩子说:”那我就叫你知道知道我的厉害。”
狗熊说:”我劝你还是忍了吧,我有的是力气。”
孩子说:”我光听说狗熊傻,可没听说狗熊有力气。”
狗熊火了,指着一个磨盘大的石头说:
“等我把这块石头扔到山下去,你就知道我是不是有力气了。”
狗熊背起了磨盘石,故意在草地上走了一圈儿,顺着陡坡把石头扔下山去。磨盘石发出隆隆的巨响。狗熊得意地哼了一声。
孩子说:”背石头不算力气大,能拔下一棵树才算力气大。”
“那你就等着瞧吧!”
狗熊说着,吭哧吭哧拔起树来。费了九牛二虎之力,到底把一棵松树给拔下来了。
孩子说:”你能把松树拖到东边的湖里去吗?如果你能把树扔到湖里,让它像船一样漂起来,我就服你了。”
狗熊真的把大树拖到湖里了。可是,他已经累得筋疲力尽,站进湖里以后,本想爬到岸上来,却”扑通”一声落到水里去。孩子趁机跳过去,揪住狗熊的耳朵,把他的脑袋摁到湖里,灌了他一肚子水。
狗熊告饶了,答应了孩子的要求,给孩子赔偿:自己要当一头牛,学会拉犁,帮助那个孩子种地。
ผู้เขียน Yi Ming(ไม่ปรากฏนามผู้แต่ง)
แปลและเรียบเรียง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เมชฌ สอดส่องกฤษ

ลิงน้อยเล่นชิงช้า 荡秋千的小猴

บนหุบเขาวานรมีลิงน้อยตัวหนึ่ง มันว่องไวและซุกซนมาก ใครๆต่างพากันรังเกียจเจ้าลิงน้อยตัวนี้กันหมด เพราะว่าเจ้าลิงน้อยชอบหัวเราะเยาะคนอื่น
อยู่มาวันหนึ่ง เจ้าเจี๊ยกน้อยกำลังเล่นชิงช้าอยู่ มีลิงตาบอดตัวหนึ่งเดินเข้ามาขอเล่นด้วย เจ้าเจี๊ยกตะโกนเสียงดังว่า “ไปให้พ้น ฉันไม่อยากเล่นกับแกซะหน่อย”
เจ้าเจี๊ยกโยกชิงช้าสูงขึ้น ๆ โยกชิงช้าไปก็ร้องเพลงไป
“มังกรตาเดียว เที่ยวเล่นโคมไฟ ลา ลา ลา มองขวามองซ้าย มองเห็นทางเดียว”
ลิงตาบอดตัวนั้นโกรธมากจนเดินจากไป “อิอิอิ” เจ้าเจี๊ยกหัวเราะด้วยความกระหยิ่มในใจ
ขณะนั้นเอง ลิงขาเป๋ตัวหนึ่งก็เดินตรงมาหาเจ้าเจี๊ยก เจ้าเจี๊ยกก็ร้องเพลงว่า
“เป๋เอย ขาเป๋ๆ ข้างหนึ่งเขไป ข้างหนึ่งเขมา ลาลันลา”
ลิงขาเป๋ตัวนั้นมองเจ้าเจี๊ยกด้วยความโกรธ หันหลังกลับเดินจากไป “ฮ่า ๆๆ ” เสียงหัวเราะชอบใจของเจ้าเจี๊ยกดังไม่หยุด
เจ้าเจี๊ยกไกวชิงช้าไปมาๆอย่างเพลินใจ มองซ้ายมองขวา เอ๊ะ นั่นแน่ะ ทางโน้นมีลิงแก่หลังโก่งตัวหนึ่งกำลังนั่งเกาหลังให้กับลูกของมันอยู่ เจ้าเจี๊ยกก็ร้องเพลงขึ้นมาอีกว่า
“หลังตูงๆ เหมือนกับอูฐ แบกของไว้บนหลังตูงๆ ลาลันลา ”
ลิงหลังโก่งไม่หันมามองมันเลยสักนิดเดียว ได้แต่หันหลังแล้วก็เดินจากไป “ฮ่า ๆ ๆ” เจ้าเจี๊ยกหัวเราะชอบใจเสียงดังลั่น
ตุ๊บ! เสียงเจ้าเจี๊ยกตกลงมาจากชิงช้า “โอ๊ยๆ ๆ ” เจ้าเจี๊ยกเจ็บนอนกองกลิ้งอยู่ที่พื้น
ลิงผู้เฒ่าหลังโก่งได้ยินเจ้าเจี๊ยกร้องไห้ครวญครางด้วยความเจ็บปวดก็รีบเดินเข้ามาดู ลิงตาเดียว กับลิงขาเป๋ก็เดินเข้ามาดู ช่วยกันพยุงเจ้าเจี๊ยกให้ลุกขึ้น แต่ว่า เจ้าเจี๊ยกขาหักเสียแล้ว ลิงผู้เฒ่าหลังโก่งช่วยเจ้าเจี๊ยกปฐมพยาบาล ลิงขาเป๋ช่วยเอาไม้มาดามให้ ส่วนลิงตาเดียวช่วยพันผ้าเข้าเฝือกให้
เวลาผ่านไปไม่นาน เจ้าเจี๊ยกก็ลุกขึ้นเดินได้เหมือนเดิมแล้ว มันไม่คิดเลยว่าตัวมันเองในตอนนี้ก็กลายเป็นลิงขาเป๋ไปเสียแล้ว ช่างน่าเกลียดสิ้นดี มันก็ได้แต่ร้องไห้เสียใจ
“เจ้าเจี๊ยก เป็นอะไรไปเหรอ” ลิงผู้เฒ่าหลังโก่งถาม
“ขาผมพิการเสียแล้ว คนอื่นจะต้องหัวเราะเยาะผมแน่ๆเลยครับ”
“จะเป็นอย่างงั้นได้ยังไง ดูสิ ตอนนี้เพื่อนๆ ดูแลเอาใจใส่เจ้าดีกว่าเดิมเสียอีก”
คิดถึงเมื่อก่อนที่เคยหัวเราะเยาะปมด้อยของคนอื่น เจ้าเจี๊ยกยิ่งรู้สึกเสียใจและละอายใจมากๆ
猴山上有一只小猴,他机灵活泼,可大家都不喜欢他,因为他最爱取笑别人。
一天,小猴正在荡秋千,瞎了一只眼的猴子走过来,想和他一块儿玩。小猴大声嚷道:”走开,走开,我才不跟你玩呢!”
他把秋千荡得更高了。一边荡,一边编起歌儿唱:
“独眼龙,打灯笼。
只见西来不见东。”
独眼猴被气跑了。”嘻嘻,”小猴得意地笑了。
这时,一只跛脚的猴子正朝这边走来。小猴唱道:
“跛杆,跛脚杆,
一脚长来一脚短。”
跛脚猴瞪了他一眼,气得转身就走,”咯咯,”小猴笑得上气不接下气。
小猴在秋千上荡呀,荡呀,眨巴着眼睛,东瞧西看。咦,一只驼了背的老猴子,正坐在树上给他的孩子抓痒,小猴子又唱开了:
“驼背驼,像骆驼,
背上背着一大坨。”
驼背老猴睬都不睬他,只是转过身来,用背朝着他,”哈哈,”小猴笑得更开心了。
扑咚!乐得手舞足蹈的小猴从秋千上摔下来了。”哎哟,哎哟——”小猴痛得在地上直打滚。
听到小猴的哭喊声,驼背老猴跑来了,独眼猴和跛脚猴也跑来了。他们扶起小猴一看:腿摔断了。驼背老猴忙给他接骨,跛脚猴给他上夹板,独眼猴给他扎绷带。
过了些日子,小猴能下地走路了,他万万没想到,自己也成了一只跛脚,多难看呀!他伤心地哭起来。
“小猴,你怎么啦?”驼背老猴问道。
“我的腿残废了,别人会笑我的。”
“怎么会呢?现在大伙儿不是比以前更爱护你了吗?”
想到以前常取笑别人生理上的缺陷,小猴的心里又悔又愧……
ผู้เขียน Yi Ming(ไม่ปรากฏนามผู้แต่ง)
แปลและเรียบเรียง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เมชฌ สอดส่องกฤษ

เพื่อนที่มีลูกศร 带箭的朋友

น้องกระต่าย น้องเป็ดก้าบๆ และเจ้าจ๋อน้อยเป็นเพื่อนรักกัน พวกมันพากันเล่นกระโดดหนังยางที่สนามหญ้าอย่างสนุกสนาน ในเวลาเดียวกันนั้นเองมีสัตว์ตัวหนึ่งเดินเข้ามา ตัวของมันมีลูกศรติดเต็มตัวไปหมด ดูๆแล้วเหมือนกับลูกเกาลัดยักษ์กลิ้งอยู่บนพื้น (ลูกเกาลัดมีขนรอบผลเหมือนเงาะ) พอเดินไปตามพื้นก็ได้ยินเสียงกรุ๊งกริ๊งๆ ตลอดเวลา
“หวัดดีเพื่อนๆ ขอฉันเล่นด้วยคนนะ” สัตว์ที่มีลูกศรปักเต็มตัวพูดกับเพื่อนๆ
น้องกระต่ายทำหูตั้ง พูดว่า “อื้อหือ ตัวแกมีลูกศรปักเต็มไปหมด น่ากลัวจะตาย”
“ถ้าเกิดแกมาโดนตัวเราเข้า พวกเราจะต้องได้รับบาดเจ็บแน่ๆเลยล่ะ ไม่เอา ไม่เล่น ๆ ” เสียงเป็ดร้องก้าบ ๆ ๆ ปฏิเสธอย่างไม่ใยดี
น้องเจี๊ยกกระโดดเข้าไปใกล้ วนดูซ้ายที ขวาที ลองยื่นมือไปแตะดู แล้วก็บอกว่า “แกเป็นใครกันน่ะ ทำไมพวกเราไม่รู้จักแกมาก่อนเลยล่ะ”
“ฉันคือเม่น เพราะฉันท่าทางโง่เง่า หน้าตาก็ไม่ดี ไม่มีใครยอมเป็นเพื่อนกับฉันเลย ฉันเหงาจังเลย พวกนายเล่นกับฉันหน่อยได้ไหมล่ะ”
“อ๋อ เจ้าเม่นนี่เอง ฉันเคยได้ยินแม่เล่าให้ฟัง ไม่คิดเลยว่าจะน่ากลัวขนาดนี้ แกยืนดูอยู่ข้างๆก็แล้วกันนะ” น้องเจี๊ยกแลบลิ้นใส่น้องเม่น
พูดจบ น้องกระต่าย น้องก้าบๆ น้องเจี๊ยกก็เล่นกระโดดหนังยางต่อ กระโดดไปหัวเราะไปด้วยความสนุกสนาน โถ..น้องเม่นผู้น่าสงสารก็ได้แต่นั่งดูอยู่ข้างๆ เล่นกับใครก็ไม่ได้
น้องกระต่ายมองเห็นน้องเม่นนั่งเหงาอยู่คนเดียว ก็เลยพูดกับเพื่อนทั้งสองว่า “ให้น้องเม่นเล่นกับพวกเราเถอะนะ มีเพื่อนเพิ่มขึ้นมาอีกคน ดีเสียอีก”
น้องก้าบๆหันหลังกลับมาดู แล้วก็กลับคำพูดใหม่ว่า “ก็นั่นสินะ เกิดมาขี้เหร่ก็ไม่ใช่ความผิดของเค้าซะหน่อย ดูสิ เค้าเหงามากเลยนะ”
น้องเจี๊ยกก็สนับสนุนอีกว่า “เมื่อตะกี้ฉันล้อเล่นนะ ฉันเห็นด้วยให้น้องเม่นมาเป็นเพื่อนกับพวกเรา”
ดังนั้น น้องกระต่าย น้องก้าบๆ น้องเจี๊ยกๆ ก็พร้อมใจกันพูดกับน้องเม่นว่า “ขอโทษนะ ตอนนี้พวกเราจะเป็นเพื่อนกับนายแล้วล่ะนะ”
น้องเม่นได้ยินดังนั้นก็ดีใจที่สุด แล้วก็ตะโกนเสียงดังว่า “มีคนยอมเป็นเพื่อนกับผมแล้ว มีคนยอมเป็นเพื่อนกับผมแล้ว”
เพื่อนๆทั้งสี่ก็หัวเราะร่าเริงด้วยความสุข
ทันใดนั้นเอง น้องเจี๊ยกมองเห็นจิ้งจอกแอบย่องเข้ามาจากทางทิศตะวันออก จึงรีบตะโกนบอกเพื่อนๆ “ดูนั่นเร็ว จิ้งจอกมาโน่นแล้ว”
น้องกระต่ายชี้ไปทางทิศตะวันตก “โน่น หมาป่ามาทางโน้นแล้ว”
น้องก้าบๆมองไปทางทิศใต้ แล้วก็ตะโกนว่า “แย่แล้ว มีเสือมาทางโน้นแล้ว”
เพื่อนทั้งสามรีบจูงมือน้องเม่น และจะพากันหนีไปทางทิศเหนือ แต่พอเงยหน้าขึ้นดูก็เห็นสิงโตดุร้ายตัวหนึ่งกำลังเดินเข้ามา น้องเจี๊ยกเอามือกุมหัวขอชีวิต น้องกระต่ายก็กลัวจนหูสั่น น้องก้าบๆก็กระพือปีกพั่บๆ ๆ ตกใจกลัวกันจนไม่รู้จะหนีไปทางไหน น้องเม่นลูบๆคลำๆที่ลำตัวแล้วก็บอกว่า “ฉันมีวิธีแล้วล่ะ”
“นายมีวิธีอะไรเหรอ” น้องกระต่าย น้องก้าบ และน้องเจี๊ยกแย่งกันถาม
“พวกนายมีหนังยาง บนตัวฉันมีลูกศร เอาไว้ยิงพวกมันยังไงล่ะ” น้องเม่นพูดด้วยความมั่นใจ
“ช่างเป็นวิธีที่วิเศษจริงเลย” น้องเจี๊ยกกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ
ดังนั้น น้องเม่นก็ถอนลูกศรออกมาจากตัว น้องกระต่ายกับน้องก้าบก็ดึงหนังยางให้ตึง น้องเจี๊ยกใช้หนังยางทำเป็นธนู แล้วก็เอาขนของน้องเม่นมาเล็งที่ปากของสิงโต แล้วก็ยิง ฟี้ว…. โอ้โห น้องเจี๊ยกยิงธนูได้แม่นยำมาก ลูกธนูดอกนี้ยิงเข้าปากของสิงโตพอดีเลย ทำเอาสิงโตร้องโอ้ยๆ ด้วยความเจ็บปวด รีบวิ่งหนีกลับไป
น้องเจี๊ยกก็ใช้วิธีเดิมยิงธนูไปอีกสองดอก สามดอก จนจิ้งจอกกับเสือโคร่งวิ่งหนีหายไป
เพื่อนๆทั้งสี่ชนะแล้ว ก็จูงมือกันเป็นวงร้องเพลงเต้นระบำ น้องเจี๊ยกพูดว่า “มีเพื่อนเพิ่มอีกหนึ่งคน ก็มีพลังเพิ่มอีกหนึ่งแรงจริงๆด้วย”
小兔子、小鸭子、小猴子是好朋友,他们在草地上愉快地跳皮筋儿。这时来了一个全身插箭的动物,看上去他就像在地上滚动的巨大毛栗,走起路来簌簌作响。
“你们好,让我们一起玩吧。”身上插满箭的动物说。
小白兔晃晃长耳朵说:”哎呀,你全身插满了箭,真是可怕。”
“你要碰一碰我们,我们会全身受伤的。不玩,不玩。”小鸭子嘎嘎地说。
小猴子跳过去,左瞧瞧,右瞧瞧,用手抓抓腮帮子说:”你是谁呀,我们怎么不认识你呀?”
“我是箭猪,因为愚笨,其貌不扬,没人和我做朋友,可孤独了。你们能和我玩吗?”
“噢,箭猪呀,我听妈妈讲过,没想到这么可怕呀。你只好在旁边看着了。”小猴子摊开双手,做个鬼脸。
小兔子、小鸭子、小猴子又跳起了皮筋儿。他们又跳又笑,玩得好开心哟。箭猪只好在一边看着,不能和他们一起玩儿。
小兔子看看孤独的箭猪,忽然对两个伙伴说:”还是让箭猪和我们一起玩儿吧,多一个朋友有什么不好?”
小鸭子扭过头看看箭猪,改换口气说:”也是,长得丑也不是他的错,看他真是孤独。”
小猴子调皮地接过话碴儿:”我刚才只是说说笑话。我同意让他做我们的朋友。”
于是,小白兔、小鸭子、小猴子一起对箭猪说:”对不起。我们现在要和你做朋友。”
箭猪听了,真是高兴极了,他大声地喊道:”有人和我做朋友了,有人和我做朋友了!”
这四个朋友又继续开心地玩起来。
忽然,小猴子发现东边来了一只狐狸,忙喊道:”快看!狐狸!”
小兔子指指西边说:”哎呀,一条恶狼:”
小鸭子指着南边说:”不好,一只大老虎!”
他们三个拉着箭猪准备向北边逃走,可是抬头一看,一头凶猛的狮子也正向这里走来。小猴子抓耳挠腮,小兔子直摇耳朵,小鸭子拍拍翅膀,急得一点办法也没有。箭猪摸摸身上的箭说:”我倒有一个好办法。”
“你有什么办法?”小兔子、小鸭子、小猴子一齐问。
“你们有皮筋儿,我身上有箭,可以射他们呀。”箭猪说。
“这倒是个好办法。”小猴子跳起来说。
于是,箭猪从身上拔下箭,由小兔子、小鸭子拉紧皮筋儿,小猴子用皮筋儿做弓弦,搭上箭对准狮子的嘴巴,嗖地射过去。好!小猴子的箭法真准,这一箭正射在狮子大王的嘴唇上,痛得他嗷嗷直叫,掉头逃走了。
小猴子又接二连三地把箭射向恶狼、狐狸和老虎,将他们一个一个地射跑。
他们胜利了。手拉手地跳起舞来。小猴子发出感叹说:’真是多一个朋友,多一份力量!”
小白兔、小鸭子也齐声地喊道:”对!多一个朋友,多一份力量!”
箭猪也开心地笑了。
ผู้เขียน Yi Ming(ไม่ปรากฏนามผู้แต่ง)
แปลและเรียบเรียง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เมชฌ สอดส่องกฤษ

องค์หญิงขนดำ 黛翎公主

ในสมัยก่อน ในโลกนี้ไม่มีนก พญาราชานกกับพระราชินีนกจึงให้กำเนิดเผ่าพันธุ์นกนับร้อยตัว องค์หญิงนกเอี้ยงและเจ้าชายนกยูงล้วนเป็นลูกๆของพญานกทั้งสอง แต่ว่า ในสมัยก่อนนั้น ขนของนกทั้งคู่ไม่ได้เป็นอย่างทุกวันนี้หรอกนะ
อยู่มาวันหนึ่ง พญานกเรียกลูกสาวเข้ามาหา แล้วพูดกับลูกว่า “ลูกพ่อ ลูกๆก็โตขึ้นทุกๆวัน ส่วนพ่อก็แก่ลงทุกวันๆ ตอนนี้พ่อจะให้ของมีค่ากับลูกๆทุกคน คนละหนึ่งอย่าง หรือไม่ก็เลือกเรียนวิทยายุทธิ์หนึ่งอย่างแทนก็ได้”
ลูกสาวของพญานกตื่นเต้นกันใหญ่ ค่อยๆเดินเข้าไปหาพญานกกับราชินีนกทีละตัวๆ บางตัวก็หยิบเอาของขวัญล้ำค่า บ้างก็เรียนวิทยายุทธิ์ เหยี่ยวฟ้าเรียนวิชาจับเหยื่อ เหยี่ยวกินปลาก็เรียนวิชาจับปลา นกคีรีบูนเรียนร้องเพลง นกขมิ้นได้รับเสียงอันไพเราะเป็นของขวัญล้ำค่าประจำตัว
ท้ายที่สุด พญานกเหลือของล้ำค่าสองอย่าง อย่างหนึ่งคือชุดกระโปรงสีดำหนึ่งชุด ซึ่งดูยังไงก็ไม่เป็นของล้ำค่าเลยแม้แต่น้อย อีกอย่างหนึ่งเป็นเสื้อพลอยขนนก เสื้อตัวนี้มีความวิเศษคือ สามารถพูดภาษามนุษย์ได้ คนที่ยังไม่ได้รับของวิเศษและวิชาคงเหลือเพียงเจ้าหญิงนกเอี้ยงกับเจ้าชายนกยูงนั่นเอง
พญานกพูดกับเจ้าหญิงนกเอี้ยงและเจ้าชายนกยูงว่า “ลูกรักของพ่อ ใครที่ได้ชุดขนนกพลอยล้ำค่านี่ไปก็สามารถสืบทอดราชบัลลังก์จากพ่อได้ และถ้าใครเรียนวิชาพูดภาษามนุษย์ คนนั้นก็ต้องเป็นทูตแห่งเมืองนกกับเมืองมนุษย์ แต่ว่าถ้าจะทำอย่างนั้นได้ก็ต้องคลุมชุดขนนกตัวนี้ด้วยจึงจะทำได้”
เจ้าชายนกยูงกับเจ้าหญิงนกเอี้ยงรู้สึกลำบากใจมาก ใครจะเลือกก่อนดี เพราะทั้งสองพี่น้องรักกันมาก จะขัดแย้งกันด้วยเรื่องเพียงแค่นี้ได้อย่างไร
เจ้าหญิงนกเอี้ยงพูดว่า “พี่ชายคะ พี่เลือกก่อนก็แล้วกัน”
เจ้าชายนกยูงพูดว่า “น้องหญิง น้องเลือกก่อนเถิด”
เจ้าหญิงนกเอี้ยงคิดไปคิดมาก็พูดขึ้นว่า “ก็ได้เจ้าค่ะ” เจ้าหญิงเดินวนรอบเสื้อพลอยขนนก แล้วก็หยิบเอาชุดที่ดูยังไงก็ไม่ใช่ของล้ำค่าตัวนั้น กระโปรงสีดำก็แปลงกายเป็นขนนกสีดำทันที และเจ้าหญิงก็เรียนวิชาพูดภาษามนุษย์จากพญานก
พญานกถึงกับตกตะลึง เจ้าชายนกยูงรีบเข้าไปจับมือเจ้าหญิงนกเอี้ยงเอาไว้ แล้วก็พูดว่า “น้องหญิง เสื้อพลอยขนนกตัวนี้ควรจะเป็นของน้องตั้งแต่แรก ทำไมน้องไม่เอาล่ะ”
เจ้าหญิงนกเอี้ยงพูดว่า “ท่านพี่เจ้าคะ ท่านพี่มีความสามารถมากกว่าน้อง ก็ควรจะสืบทอดบัลลังก์ต่อจากท่านพ่อ รับตำแหน่งเป็นพระราชาแห่งนก”
เมื่อพญานกสิ้นลม เจ้าชายนกยูงก็สืบทอดบัลลังก์ต่อจากท่านพ่อ พญานกองค์ใหม่ส่งให้องค์หญิงนกเอี้ยงไปเป็นทูตติดต่อกับมนุษย์
มนุษย์ชอบนกเอี้ยงมาก เพราะพูดภาษามนุษย์ได้ เพราะว่ามันมีขนสีดำทั้งตัว มนุษย์ก็เลยเรียกชื่อมันใหม่ว่า “องค์หญิงขนดำ”
从前,世界上没有鸟类。百鸟王和王后生养了百鸟。八哥公主和孔雀王子都是他们的儿女,不过它们的羽毛都不是现在这个样子。
一天,百鸟王把儿女都叫到身边,他对百鸟说:”孩子们,你们都一天天地长大了,父王我也一天天地老了。你们每人都可以从我这里领取一样宝物,或者学到一样本领。”
百鸟王的儿女们都十分兴奋,他们依次走到父王和王后身边,或领取一样宝物,或学一样本领。老鹰学会了捕兽,鱼鹰学会了捕鱼,百灵学会了唱歌,黄莺得到了一副好嗓子……
最后,百鸟王只剩下一样宝物和一样绝技了,还有一件黑色衣裙,它根本称不上什么宝物。那件宝物是宝石般的羽衣,那样绝技是善讲人言的本领。没有得到宝物和绝技的只剩下八哥公主和孔雀王子了。
百鸟王对孔雀王子和八鸽公主说:”孩子们,谁要是得到宝石羽衣,谁可以继臣我得王位;谁要是学到讲人言的本领,谁就担任鸟类和人类交往的使者,但是那只能披那件黑衣服。”
孔雀王子和八哥公主为难了,谁先挑呢?公主和王子平日十分友爱,怎能为这事争先呢?
八哥公主说:”哥,你先挑吧!”
孔雀王子说:”妹,你先挑吧!”
八哥公主想来想说:”好的!”她绕过宝石羽衣,拿起那件根本称不上宝物的黑色衣裙披在身上,黑色衣裙立刻变成了黑色的羽毛,她向百鸟王学到了讲人话的本领。
百鸟都惊呆了。孔雀王子冲过去抓住八哥公主的手说:”我的好妹妹,这件宝石羽衣本该是你的呀,你为什么不要呢?”
八哥公主说:”哥,你的本事比我大,应该继承父王的位置,当百鸟之王。”
百鸟王死了。孔雀王子继承父位当了百鸟王。新百鸟王派八哥公主担任鸟类和人类之间交往的使者。
人们都很喜爱善解人意的八哥,因为她有一身黑色的羽毛,人们都亲切地叫她”黛翎公主”。
ผู้เขียน Yi Ming(ไม่ปรากฏนามผู้แต่ง)
แปลและเรียบเรียง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เมชฌ สอดส่องกฤษ

พี่หมีหนีไป หนีไป 大熊逃呀逃

พี่หมีขับรถยนต์สีแดงไปซื้อของที่ซุปเปอร์มาร์เก็ต พอไปถึงพี่หมีก็จอดรถไว้ข้างทางเท้า คุณตำรวจลิงเห็นเข้าก็รีบวิ่งเข้ามาคว้าหูของพี่หมีไว้ได้
โอ้ย…คุณบีบหูผมเจ็บมาก จะพาผมไปไหนล่ะ พี่หมีออกแรงสะบัดอย่างแรงจนหลุดออกมาได้ แล้วก็วิ่งหนีไป
ขณะนั้นเอง บังเอิญมีรถบรรทุกคันหนึ่งขับมาอย่างรวดเร็ว ชั่วพริบตาพี่หมีก็กระโดดขึ้นรถไป
บนรถบรรทุก ขนฟูกมาเต็มคัน แค่ชั่วอึดใจ รถวิ่งไปไม่ทันไรก็เด้งพี่หมีขึ้นไปจนถึงชั้นดาดฟ้าของตึกสิบสองชั้นโน่นแน่ะ พี่หมีเดินดูที่ดาดฟ้าก็เห็นว่า โอ้โห ที่แท้ที่นี่เป็นร้านขายเสื้อผ้าขนาดใหญ่นี่เอง พี่หมีก็รีบเอาชุดเสื้อคลุมมีหมวกมาสวมทันที ฮ่า ๆๆ ดูแล้วเหมือนกับคุณนายผู้สูงศักดิ์เลยล่ะ
พี่หมีเดินโยกไปย้ายมาลงมาที่ห้องอาหารที่ชั้นสิบเอ็ด แล้วก็นั่งลงที่โต๊ะอาหาร น้องห่านสีขาวเป็นพนักงานบริการก็ยกอาหารหอมกรุ่นมาวางบนโต๊ะ พอพี่หมีเห็นเข้าก็ตะกรุมตะกรามกินด้วยความตะกละ พอกินอาหารเสร็จ น้องห่านก็มาขอเก็บค่าอาหาร พี่หมีก็ส่ายหัว โบกไม้โบกมือ แล้วก็รีบวิ่งหนีไป น้องห่านก็วิ่งตามไปติด ๆ พี่หมีเห็นว่ากำลังจะถูกจับได้ ก็กระโดดขึ้นราวบันได ไถลลื่นลงมา น้องห่านก็อยากจะกระโดดขึ้นราวบันไดลื่นลงมาเหมือนกัน แต่ก็ไม่กล้าเพราะสูงมาก ก็ได้แต่ตัดใจ
พี่หมีลื่นลงมาตามราวบันไดตั้งหลายชั้น ครืดๆ จนถึงชั้นล่าง เพียงครู่เดียวก็หนีออกทางประตูกระจกด้านหน้า แต่จระเข้ที่เป็นยามรักษาความปลอดภัยรีบเข้าไปจับไว้ แต่พี่หมีก็กระโดดหนีไปอีกจนได้
พี่หมีวิ่งหนีไปเรื่อยๆ จนหนีเข้าไปในสวนสนุก สักครู่เดียวก็กะโดดขึ้นเครื่องเล่นจานหมุน อวกาศ วิ้วๆ หมุนวนไปตั้งหลายรอบ
วิ้ว ๆ ๆ ๆ วิ้ว ๆ ๆ จานหมุนอวกาศ หมุนจนพี่หมีเวียนหัวไปหมด โครม …พี่หมีเซไถลตกลงมาจากจานบินอวกาศ
“ฮ่า ๆๆ ฉันรอแกมาตั้งนานแล้ว ตอนนี้ดูท่าว่าแกจะหนีไม่รอดเสียแล้ว” คุณลิงตำรวจเดินเข้ามา แล้วในที่สุดก็จับเจ้าหมีจอมกุ๊ยเอาไว้ได้

大熊开着红汽车,到超市去买东西,他把汽车停在人行道上的,猴警察看见了,跑过去一把抓住了他的耳朵。
“哇,耳朵揪得好疼呀,你要把我抓到哪里?”大熊用力一甩,甩掉了猴警察,逃跑了。
这时,正巧有一辆大卡车,嘟嘟嘟地开来了,大熊呼的一下,跳上了车。这辆大卡车上呀,装的全是弹簧床垫,呼的一下,又把大熊从车上一直弹到十二层楼的大阳台上了。大熊走出阳台一看,啊,原来这是一家大衣商场。大熊马上把一件连帽大衣披在身上,哈哈,这下大熊看上去真象个阔太太呢。
大熊一摇一摆地走十一楼的餐厅里,他在一张餐桌前坐下来。白鹅小姐马上端来香喷喷的饭菜,大熊一看,啊呜、啊呜地大吃起来,吃完了饭,白鹅小姐请她付钱,大熊摇摇头,摆摆手,拔腿就逃。白鹅小姐跟在他后面拼命地追,眼看就要被抓住了,大熊灵机一动,骑在扶梯的扶手上,哗哗哗一直在往下滑去,白鹅小姐也想骑在扶梯上去追大熊,可是他不敢从那么高的地方往下滑,只好算了。
大熊在扶梯上转了十个圈子,哐啷一声,滑到了底楼,一下子冲出了玻璃大门。大门警卫鳄鱼先生立刻去抓大熊,大熊从地上一骨碌爬起来就逃。
大熊逃逃逃,逃进了游乐场,他呼的一下乘上了高空转盘,哗哗哗地转起来了。
哗哗哗——哗哗哗——高空转盘把大熊转得头昏脑胀。咚!大熊从转盘上摔了下来。
“哈哈,我等你好久了,这次看你再往哪儿逃!”猴警察走过来,把大熊抓住了。

ผู้เขียน Yi Ming(ไม่ปรากฏนามผู้แต่ง)
แปลและเรียบเรียง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เมชฌ สอดส่องกฤษ