คุณย่าดอกลำโพง 牵牛花奶奶

คุณย่าดอกลำโพง …คือใครกัน
น่าจะเป็นดอกลำโพงดอกใหญ่ๆ ละมั้ง
ไม่ใช่หรอก คุณย่าดอกลำโพงเป็นหมีสีน้ำตาลต่างหากล่ะ
คุณย่าหมีสีน้ำตาล เป็นหมีผู้เฒ่าที่แก่มาก ๆ ท่านไม่มีลูกชาย ไม่มีลูกสาว อาศัยอยู่คนเดียวในโพรงไม้ริมเนินเขา
คุณย่าหมีสีน้ำตาลเหงามาก ท่านก็เลยคิดที่จะปลูกดอกไม้ไว้รอบๆบ้าน ท่านจะได้ดูแลดอกไม้เหล่านี้ เหมือนกับเป็นลูกของตัวเอง
ดังนั้น คุณย่าหมีสีน้ำตาลก็ข้ามภูเขาไป เพื่อไปขอเมล็ดดอกเซียนหงส์ กับเมล็ดหญ้าปลาทองมาจากคุณฮิบโป พอกลับมาถึงบ้าน คุณย่าหมีสีน้ำตาลก็เอาเมล็ดดอกไม้ที่ได้มาปลูกไว้ที่หลังบ้าน
ใครจะรู้เล่าว่า ดอกไม้ที่ปลูกเริ่มงอกออกมาแล้ว แต่กลายเป็นดอกลำโพงทั้งหมดเลย ดอกลำโพงบานเต็มทุ่งเลย
ที่แท้ก็เป็นเพราะว่า คุณฮิบโปเอาเมล็ดดอกไม้ให้ผิดนี่เอง คิดว่าเมล็ดดอกลำโพงเป็นเมล็ดดอกเซียนหงส์ กับหญ้าปลาทอง
คุณย่าหมีสีน้ำตาลรู้สึกผิดหวังมาก จนกลางคืนเก็บเอาไปนอนฝัน ฝันไปว่าต้นกล้าดอกลำโพงทั้งหมดโตขึ้นแล้ว แถมยังซุกซนปีนป่าย ยืดเครือยาวเฟื้อย เหมือนกับวิ่งแข่งขั้นกันเลยล่ะ เกี่ยวพันกันไปมา จนรกเต็มไปไปหมดทั้งสวน แม้แต่ประตูหน้าต่างก็โดนเถาดอกลำโพงเลื้อยไปคลุมจนหมด คุณย่าหมีสีน้ำตาลก็เลยต้องปีนออกมาทางหน้าต่างหลังคา แล้วก็นั่งอยู่บนหลังคาบ้าน มองๆดูเหมือนกับนั่งอยู่บนภูเขา “ดอกลำโพง” ยังไงยังงั้นเลย นั่งทอดถอนใจไม่รู้จะทำอย่างไรดี
พอคุณย่าหมีสีน้ำตาลตื่นขึ้นจากฝัน ก็รีบถือจอบตั้งใจจะไปขุดต้นกล้าดอกลำโพงออกให้หมด
แต่ดอกลำโพง ดูแล้วช่างน่ารักน่าชังเหลือเกิน เหมือนกับเด็กๆเลย จอบที่ไหนจะขุดได้ลงคอ แม้แต่ต้นเดียวก็ขุดไม่ลง
ต่อมาคุณย่าหมีสีน้ำตาลก็คิดหาวิธีออก
คุณย่าหมีสีน้ำตาลถอนเถาดอกลำโพงขึ้นมาทั้งรากทั้งดิน แล้วก็เอาไปมอบให้กับคุณพี่กระต่าย คุณป้าแกะ คุณลิง คุณตุ่น แล้วก็เอาไปมอบให้กับคุณฮิบโปผู้ซุ่มซ่าม
ดอกลำโพงก็โตขึ้นทุกวันๆ จนขึ้นเต็มรั้วบ้านคุณย่าหมีสีน้ำตาล แล้วยังเลื้อยขึ้นไปบนหน้าต่างบ้านไม้อีกด้วย ออกดอกชูช่อเบ่งบานสวยงามมาก
คุณย่าหมีสีน้ำตาลมองดูบ้านของตัวเองมีดอกลำโพงบานชูช่อเต็มไปหมด ทั้งแดง ทั้งคราม ทั้งม่วง ดอกใหญ่ๆทั้งนั้น บางดอกก็ใหญ่เท่ากับปากถ้วย บางดอกก็ใหญ่เท่ากับแก้วชา บางดอกก็เล็กเท่าจอกเหล้า ก็รู้สึกดีใจยิ้มแฉ่งจนหุบปากไม่ลง ราวกับว่า ดอกไม้เหล่านี้เป็นลูกเป็นหลานของตัวเอง
ทุกๆวัน คุณย่าหมีสีน้ำตาลจะถือกระป๋องเล็กๆ ใบหนึ่ง มือหนึ่งถือพลั่ว เดินไปที่บ้านพี่กระต่าย คุณป้าแกะขาว คุณลิง คุณอาตุ่น และก็คุณฮิบโป เพื่อไปถางหญ้าให้กับดอกลำโพง แล้วก็รดน้ำ ส่วนบรรดาดอกลำโพงพอเห็นคุณย่าหมีสีน้ำตาลมาเยี่ยมก็ดีใจมาก
ดอกลำโพงมีสีแดง สีคราม สีม่วง พากันโยกหัวไปมา บางดอกก็ใหญ่เท่ากับปากถ้วย บางดอกก็ใหญ่เท่ากับแก้วชา บางดอกก็เล็กเท่าจอกเหล้า ดอกไม้แสนสวยพากันโบกไม้โบกมือต้อนรับคุณย่าหมีสีน้ำตาล ส่งเสียงร้องเรียก “สวัสดีครับคุณย่า สวัสดีค่ะคุณย่า” เสียงดังเจี้ยวจ๊าวไปทั่ว
เพื่อนๆ ก็เลยพากันเรียกคุณย่าหมีสีน้ำตาลว่า “คุณย่าดอกลำโพง”
นับตั้งแต่นี้ คุณย่าหมีสีน้ำตาลก็จะไม่เหงาอีกต่อไป เพราะคุณย่ามีลูกๆ หลานๆเยอะแยะมากมาย
谁是牵牛花奶奶?
也许是一朵很大很大的牵牛花吧!
不是的,牵牛花奶奶是一只棕色的熊。
棕熊奶奶是一只很老很老的熊,她没有儿子,没有女儿,独个儿住在山坡上的木头房子里。
棕熊奶奶太寂寞了。她想在屋子周围种上一些鲜花,她可以侍候这些鲜花,把它们当做自己的孩子看。
棕熊奶奶翻过山坡,她向河马先生要了一把凤仙花和金鱼草的种子。回来后,她把它们全部种在屋前屋后了。
谁知这些种子发出芽来,全都是牵牛花。那么一大片牵牛花。
原来是河马先生搞错了,他把牵牛花的种子,当做凤仙花和金鱼草的种子了。
棕熊奶奶愁坏了。她晚上做梦,梦见这些牵牛花苗全长大了,它们调皮地爬起藤来,像赛跑似的,你蹦过来,我跑过去,把整个院子全都爬满了,把小屋都包围了,门和窗也都被密密的牵牛花藤封起来。棕熊奶奶只好从天窗爬了出来,坐在屋顶上,坐在牵牛花的”小山”上,发愁叹气呢!
棕熊奶奶从梦中醒来以后,就拿着把锄头,想锄掉一些牵牛花秧苗。
可是那些牵牛花的秧苗多逗人喜爱啊,像一群小宝宝呢。锄哪棵好呢?一棵也不忍心。
后来,棕熊奶奶想出了一个好办法。
她把一些牵牛花的秧苗连同一些泥土一起掘起来,她把这些小牵牛花秧苗送一些给兔子姐姐,送一些给山羊大婶,送一些给猴先生,给獾大叔。再送一些给粗心的河马先生……
牵牛花渐渐长大了,它们爬满了棕熊奶奶家的篱笆,还爬上了小木屋的窗台,开出了许多美丽的花。
棕熊奶奶瞧着自己院里盛开的红的、蓝的、紫的牵牛花,开着碗口大的、茶杯口大的、小酒杯口大的花朵,乐得闭不拢嘴,好像这些花儿就是她的孙子、孙女。
棕熊奶奶每天还提着小罐,拿着小铲子,去兔子姐姐、山羊大她,猴先生、獾大叔和河马先生的家,为那里的牵牛花锄锄草,浇浇水,那些牵牛花看见棕熊奶奶来可高兴了。
牵牛花开着红的、蓝的、紫的花,摇晃着碗口大的、茶杯口大的,小酒杯口大的花儿,欢迎着棕熊奶奶,仿佛在叫着”奶奶你好,奶奶你好,……”
于是,大伙儿就把棕熊奶奶叫做”牵牛花奶奶”了。
牵牛花奶奶再也不感到寂寞,她有那么多的小孙子、小孙女……
ผู้เขียน Yi Ming(ไม่ปรากฏนามผู้แต่ง)
แปลและเรียบเรียง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เมชฌ สอดส่องกฤษ

เหิรฟ้า 起飞

นกกระยางคอยาวชื่อ ฮวนฮวน เกาะอยู่บนโขดหินผา กำลังกระพือปีกอยู่อย่างขะมักเขม้น เพื่อฝึกพละกำลังของปีกให้แข็งแกร่ง เตรียมพร้อมที่จะบินสู่ท้องฟ้า เบื้องหลังเป็นถ้ำโขดหินถิ่นรังนอนของมัน ใกล้ๆกับถ้ำมีพี่ชายยืนดูอยู่ข้างๆ พี่ชายทั้งสามตัวโตกว่ามันมาก ส่วนฮวนฮวนตัวเล็กที่สุดในบรรดาสี่พี่น้อง แต่ถึงแม้ว่าจะตัวเล็กกว่าพี่ๆ พ่อแม่ก็ไม่ได้เอาใจฮวนฮวนมากกว่าลูกคนอื่น ทุกครั้งเวลาพ่อแม่ป้อนอาหาร พี่ๆทั้งสามก็ผลักมันไปอยู่อีกข้าง ฮวนฮวนก็ได้แต่เก็บเศษอาหารที่ตกลงที่พื้นกิน เวลาผ่านไป พี่ๆทั้งสามก็มีร่างกายเติบโตแข็งแกร่ง แต่ฮวนฮวนกลับตัวเล็กและผอมกว่าพี่ๆมาก
วันนี้พ่อแม่กางปีกเหิรฟ้า บินไปหาอาหารมาให้ลูก ๆ ฮวนฮวนก็ออกมายืนอยู่บนโขดหิน ก้มลงมองดูผืนน้ำที่ระยิบระยับเป็นประกายแวววาว มองดูท้องทุ่งหญ้าสีเขียวขจีราวกับพรมนุ่ม มันอยากบินได้เหลือเกิน อยากบินได้เหมือนกับพ่อแม่ที่เหิรฟ้าโบยบิน แต่ว่า ร่างกายของมันช่างอ่อนแอเหลือเกิน หลายครั้งที่มันพยายามกางปีกออก หมายจะบินลงจากหน้าผา แต่ก็ต้องถอยหลังกลับเข้ามาทุกทีเพราะกลัวจนขาสั่น ครั้งนี้ พี่ๆ ก็ยังยืนอยู่ข้างๆ หัวเราะเยาะมันอีก
“ฮ่า ๆ ขนยังขึ้นไม่ครบเลย ยังจะอยากบินอีก ฝันกลางวันไปรึเปล่า” เสียงพี่ใหญ่เยอะเย้ย
“แม่บอกว่า คนที่จะบินได้คนแรกก็คือพี่ใหญ่ ต่อมาก็เป็นฉัน แต่แก เจ้าฮวนฮวนตัวน้อย แถมยังผอมแห้งแรงน้อย ก็คงได้แต่รอให้พวกเราหาอาหารมาป้อนละมั้ง” เสียงพี่สองพูดพร้อมกับกระพือปีกพั่บๆ ๆ
“น้องเล็กเอ๋ย พี่จะบอกอะไรให้นะ พวกเราเหล่านกกระยางจะต้องบินเรียงลำดับจากพี่ใหญ่ พี่รอง พี่สาม ฉันยังไม่ทันคิดจะออกจากรังเลย แกก็อยากจะบินเสียแล้ว ช่างไม่ดูตัวเองเสียเลย” พี่สามก็เข้ามาสมทบเยอะเย้ยถากถาง พร้อมสั่งสอนฮวนฮวน
ฮวนฮวนมองดูพี่ชายทั้งสามที่ร่างกายสูงใหญ่กำยำ ในใจคิดว่า พวกพี่ฉวยโอกาสที่ร่างกายแข็งแรงกว่า มีพละกำลังเยอะกว่า แย่งอาหารกินจนหมด แต่ฉัน ….ทันใดนั้น มีเหยี่ยวตัวหนึ่งบินโฉบลงมา กางกรงเล็บแหลมคมตะครุบนกตัวน้อยๆ บินไป นกตัวน้อยเพิ่งจะมีขนอ่อนๆงอกขึ้นมารำไร ฮวนฮวนตกตะลึง “อ้า…นี่แหละคือจุดจบของผู้อ่อนแอ” ในท่ามกลางการเอาตัวรอดของธรรมชาติ คนที่อ่อนแอ ยอมแพ้ สุดท้ายก็ต้องตกเป็นอาหารของผู้อื่น เลือดของฮวนฮวนฉีดพล่านไปทั่วร่างกาย เหลียวไปมองพี่ชายทั้งสามที่อยู่ข้างๆรัง มองลงไปดูพื้นโลกเบื้องล่าง ขาของฮวนฮวนก็ไม่สั่นอีกต่อไป ฮวนฮวนกระพือปีกพั่บๆ ๆ แล้วเหิรขึ้นสู่ท้องฟ้า “โอ้โห….นกกระยางน้องสุดท้อง แต่เป็นตัวแรกที่บินได้” ตัวของมันส่ายไปส่ายมา ปีกก็ยังบินไม่ถนัดถนี่ แต่ก็ร่อนสู่ท้องฟ้าอย่างกล้าหาญ ฮวนฮวนคิดถึงความองอาจของพ่อแม่ นึกถึงปีกของพ่อแม่ที่ไม่เคยอ่อนแอ จิตของฮวนฮวนก็สงบนิ่งลงได้ ค่อยๆปรับท่วงท่าในการบิน บินไป ร่อนไป ฟี้ว..ว..ว
ฮวนฮวนร่อนลงที่ริมคลองเล็กๆแห่งหนึ่ง แม้ว่ายังร่อนลงไม่สวยนัก แต่ฮวนฮวนก็ได้ลิ้มรสปลาสด กุ้งสด ไม่ต้องไปแย่งกินเศษอาหารที่เหลือเดนจากพี่ๆอีกต่อไป ฮวนฮวนรู้สึกถึงพละกำลังในกายที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล เพียงแค่ขยับปีกก็สามารถบินสู่ท้องฟ้ากว้างใหญ่ได้แล้ว บินร่อนไปสู่ถ้ำ จะได้ไปบอกพี่ๆทั้งสามว่า ผู้แข็งแกร่งไม่ใช่สวรรค์เป็นผู้กำหนด แล้วก็ไม่ใช่คนที่ร่างกายใหญ่โตกว่าผู้อื่น แต่เป็นผู้ที่มีความหวัง มีปณิธานแน่วแน่ และก็พร้อมที่จะไขว่คว้าสู่โลกที่งดงาม
ดูนี่สิ นกกระยางตัวน้อย ๆ แต่เข้มแข็ง สามารถบินสู่หน้าผาอันสูงใหญ่ได้
黑鹳纽欢欢站在岩石上,起劲地扇着翅膀,他要练硬翅膀,准备起飞。背后是妈妈孵他养他的岩洞,靠近岩洞口的地方,站着三个哥哥,三只比他大许多的黑鹳。欢欢在兄弟四个里是最小的,可是爸爸妈妈并不因为他小而照顾他,每次喂食,三个身强力壮的哥哥常常把他挤到一边,他只好捡些落在岩石上的食物渣。天长日久,哥哥们长得越来越壮,而他却长得非常瘦小。
这天,爸爸妈妈舒展着翅膀,飞向万里蓝天,为他们觅食去了。黑鹳欢欢站在岩石的边上,俯视着山崖下玉带似的小河、绿毯似的田野。他多么想飞啊,像爸爸妈妈那样飞上蓝天。可是,他身体太弱了,他几次展开翅膀,想冲下山崖,都因为腿在发抖,退了回来。这时哥哥们却在洞边讥笑他。
“哈哈,羽毛还没长全就想飞啊,白日做梦。”老大说。
“妈妈说了,第一个起飞的应该是大哥,然后是我。你,一个瘦小的欢欢,只能等我们喂你食物了。”老二扇扇翅膀说。
“我说老四,我们黑鹏历来是老大,老二,老三,按照出生顺序起飞的。我还没想到出窝,你就想飞了,真是自不量力。”老三也在教训欢欢。
欢欢看看高大的哥哥们,心想,你们靠着身强力壮,能够抢到食物,而我……忽然一只老鹰从头顶飞过,鹰爪下抓着一只小鸡,一只刚刚长满羽毛的小鸡。欢欢心头一惊:啊,这就是弱者的下场。在自然界的竞争中,自甘落后的弱者,只能被别人吃掉!欢欢浑身热血沸腾,他看看守在窝边的哥哥们,看看悬崖下的世界,他的腿不再发抖了。他扇扇翅膀,猛地向崖外冲去一-啊!最弱小的黑鹏,却第一个起飞了。他身体摇晃,翅膀有些慌乱,但他却勇敢地鼓动翅膀向远处飞去。他想到爸爸妈妈的雄姿,想到他们从容不迫的飞翔,心里平静下来,逐渐调整姿势,飞啊,飞……
他落在小溪边,虽然姿势很笨拙,但第一次吃到了鲜鱼活虾,再也不用去抢哥哥们吃剩的食物渣了。他感到浑身增添了无穷的力气,一抖翅膀又飞上蓝天。向生他养他的岩洞飞去。他要告诉哥哥们,强者不是天生排定的,也不一定是身体的高大,而是愿望,是意志,是对美好境界的追求。
瞧,一只弱小的,然而非常矫健的黑鹏正向高高的悬崖上飞去。
ผู้เขียน Yi Ming(ไม่ปรากฏนามผู้แต่ง)
แปลและเรียบเรียง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เมชฌ สอดส่องกฤษ

โต๊ะเห็ด 蘑菇桌

มีอยู่วันหนึ่ง น้องกระต่ายขาวกระโดดหยองๆ ไปเก็บดอกไม้ในป่า แต่เอ๊ะ ที่ใต้ต้นไม้มีเห็ดดอกหนึ่งใหญ่มากๆ เหมือนกับโต๊ะกลมตัวหนึ่ง สวยงามจริงๆ
“เก็บดอกไม้เสร็จ ฉันจะนั่งกินข้าวเที่ยงบนโต๊ะเห็ดนี่ล่ะ” คิดได้ดังนั้น กระต่ายน้อยก็เดินจากไป
พอกระต่ายขาวเพิ่งเดินจากไป กระรอกน้อยก็เดินมาถึง กระรอกก็เห็นเห็ดที่เหมือนกับโต๊ะเหมือนกัน น้องกระรอกน้อยดีใจ คิดในใจว่า “ฮิๆ กินข้าวบนโต๊ะเห็ดนี่ ท่าทางจะมีความสุขมาก แน่ๆเลย” ว่าแล้วน้องกระรอกก็รีบไปเก็บดอกไม้
ต่อมาไม่นาน คุณจิ้งจอก เจ้าลิงเจี๊ยกๆ คุณเม่นขนแหลม ก็มาพบกับโต๊ะเห็ดนี้เข้าเหมือนกัน ทุกๆคนต่างคิดเหมือนกันว่า เก็บดอกไม้เสร็จจะมากินข้าวที่โต๊ะเห็ดนี้
พอถึงเวลากินข้าวเที่ยง เพื่อนๆทั้งห้าคนก็พากันเดินมาถึงโต๊ะเห็ด ต่างฝ่ายต่างบอกว่าตนเองเป็นคนพบโต๊ะเห็ดนี้คนแรก ไม่มีใครยอมใคร
“ฮึ่ม พวกแกแย่งกันไปก็แล้วกัน” กระต่ายขาวรีบแย่งนั่งข้างๆโต๊ะ
กระรอก จิ้งจอก ลิงเจี๊ยกๆ ก็เบียดกันเข้ามาที่โต๊ะเห็ด นั่งลง ฟึดฟัด ๆ ด้วยความด้วยความโกรธ
น้องเม่นเห็นว่า ไม่มีที่นั่งสำหรับตัวเองแล้ว ก็โกรธจัด “ปึ่ง” กระโดดขึ้นไปบนโต๊ะเห็ด แล้วก็กระโดดย่ำไปสองสามที จนโต๊ะเห็ดแหลกเป็นชิ้นๆ
ตอนนี้ ใครก็ไม่ได้กินข้าวบนโต๊ะเห็ดแล้ว
“พวกแกเนี่ยนะ พวกแกเนี่ย” เอ๊ะ นั่นเสียงใครพูด เจ้าห้าตัวก็เงยหน้าขึ้นไปมอง ที่แท้ก็เป็นคุณตาต้นไม้นี่เอง น้องกระต่ายขาวก็เข้าใจทันที ที่แท้ คุณตาต้นไม้กำลังสั่งสอนพวกเรา
“ความจริงแล้ว พวกเราเบียดกันนิดหน่อย ก็จะมีที่ว่างให้น้องเม่นแล้ว” กระต่ายขาวคิด แล้วก็บอกกับทุกคน
“ฉันไม่ดีเอง” น้องเม่นรู้สึกละอายใจ “วันนี้ฉันเหลวใหลไปหน่อย”
“พวกเราก็ไม่ดี” กระรอกน้อยและเพื่อนๆ ทั้งหมดรีบพากันสำนึกผิด
เพื่อนๆทั้งห้าเพิ่งจะพูดจบ ว้าว มีเรื่องมหัศจรรย์เกิดขึ้นแล้ว เห็ดที่ถูกเหยียบจนแบนตอนนี้ฟื้นขึ้น แล้วก็กางดอกออก จนใหญ่ขึ้นๆ เท่ากับโต๊ะกลมเหมือนเดิม
เพื่อนทั้งห้าดีอกดีใจกันมาก “โต๊ะเห็ดนี่ช่างสวยงามจังเลย” เจ้าลิงเจี๊ยกๆ ร้องบอกทุกคน
“เรามาช่วยกันตกแต่งโต๊ะให้สวยงามกันดีกว่า” เจ้าจิงจอกพูดจบก็เอาดอกไม้สวยๆมาปักไว้ที่บนโต๊ะเห็ด
ว้าว สวยจังเลย เพื่อนๆเห็นดังนั้น ก็รีบพากันเอาดอกไม้ที่เก็บมาได้ มาปักไว้บนโต๊ะ จนโต๊ะสวยงามเต็มไปด้วยดอกไม้
“พวกแกเอ้ย พวกแก ” เสียงคุณลุงต้นไม้พูด คราวนี้ พวกเด็กๆก็ฟังออก เป็นเสียงคุณตาต้นไม้กำลังชมเชยอยู่นั่นเอง
一天,小白兔蹦蹦跳跳地来到森林里采花。咦,大树下有个特别大特别大的蘑菇,就像一张小圆桌,真好看。
采好花,我就在这蘑菇桌上吃午饭。这样想着,小白兔走了。
小白兔刚走,小松鼠来了。他也看见了这个像小桌子的大蘑菇。”嘻嘻!”小松鼠高兴地想:在这蘑菇桌上吃饭,一定很有意思!小松鼠也去采花了。
后来呀,小狐狸,小猴子,小刺猬都发现了这张蘑菇桌,也都想采了花在这儿吃午饭。
到了吃午饭的时候,五个小伙伴都来了,都说是自己最早发现这张蘑菇桌的,谁也不让谁。
“哼,你们去争吧!”小白兔抢先在蘑菇桌前坐了下来。
小松鼠、小狐狸、小猴子也拥到蘑菇桌前,气呼呼地坐下了。
小刺猬一看,没他的份儿,火了,”啪”,跳上蘑菇桌,狠狠地踩几脚,把蘑菇桌踩了个稀巴烂。
现在谁也别想在蘑菇桌上吃午饭了。
“你们哪,你们!”咦,谁在说话,五个小伙伴抬头一望,原来是大树公公,小白兔明白,大树公公在批评他们呢。
“其实,我们挤一挤,就有小刺猬的位子了。”小白兔想了想说。
“是我不好,”小刺猬不好意思,”今天是我太霸道了。”
“我们也不好!”小松鼠他们几个也赶紧认错。
五个小伙伴刚说完,呀,奇怪的事发生了,被踩得稀巴烂的大蘑菇竟一点一点动起来了,最后又拼成了一个特别大特别大,像小圆桌一样的大蘑菇。
五个小伙伴高兴极了。”这蘑菇桌真美!”小猴子说。
“我想,把它打扮起来一定更美。”小狐狸说着,把采来的几朵最美的花插在蘑菇桌上。
啼,真的很漂亮。别的小伙伴也学小狐狸的样儿,用采来的花儿把蘑菇桌打扮得漂亮极了。
“你们呀,你们!”大树公公又开口了。这回呀,大家都听出来了,大树公公在表扬他们呢!
ผู้เขียน Yi Ming(ไม่ปรากฏนามผู้แต่ง)
แปลและเรียบเรียง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เมชฌ สอดส่องกฤษ

เบ็ดตกปลาของแมวเหมียว 咪咪的钓鱼竿

น้องเหมียวร้อง เมี้ยวๆ ให้แม่ซื้อเบ็ดตกปลา แม่เหมียวก็บอกน้องเหมียวว่า “มา เดี๋ยวแม่ช่วยทำให้หนึ่งคัน”
แม่เหมียวก็สอนให้ลูกเหมียวเลือกก้านไม้ไผ่มาหนึ่งก้าน แล้วก็หาเส้นไหมมาหนึ่งเส้น เอาลวดมาดัดให้โค้งเป็นตะขอ ในที่สุดเบ็ดตกปลาก็ทำสำเร็จแล้ว
น้องเหมียวกำลังดีอกดีใจกับเบ็ดตกปลาที่เพิ่งทำเสร็จใหม่ ๆ เวลานั้นเอง พี่ไก่โต้งก็เดินชูคอเข้ามาหา “เจ้าเหมียวเอ้ย ได้ข่าวว่าแกทำเบ็ดตกปลาเหรอ ไหนให้ฉันดูหน่อยซิ”
“นี่ไง ดูสิ แม่เป็นคนสอน แล้วผมก็ทำเอง”
พี่ไก่โต้งดูแล้วดูอีก แล้วก็ส่ายหัว บอกว่า “เฮ่อ เบ็ดของแกอันนี้ไม่เห็นมีล้อเลื่อนเลย ไม่มีล้อเลื่อน จะเรียกเบ็ดตกปลาได้ที่ไหนกันล่ะ”
น้องเหมียวได้ยินดังนั้น ก็เสียกำลังใจ มันกำลังคิดไตร่ตรองอยู่นานเลย ว่าทำไมถึงไม่มีล้อเลื่อนนะเนี่ย เวลาเดียวกันนั้นเอง น้องหมูอู๊ดๆก็เดินผ่านมา เสียงดัง “อู๊ด ๆ ๆ” เหมือนกับคนแก่ ก่อนพูดก็ต้องร้องเสียงอู๊ด ๆ เสียก่อน แล้วค่อยเอ่ยปากพูดว่า “อู๊ด ๆ ๆ ให้ฉันดูเบ็ดตกปลาแกหน่อยซิ จะได้ช่วยคิดหาวิธี” ว่าแล้วหมูอู๊ดๆ ก็หยิบเบ็ดตกปลาไปดู ดูโน่นที ดูนี่ที “อู๊ด ๆ ๆ เบ็ดตกปลาคันนี้ของแกไม่มีนกหวีดนี่นา”
“ต้องมีนกหวีดทำไมเหรอ” แมวเหมียว ถามด้วยความสงสัย
“แกนี่ หัวขี้เลื่อยจริงๆเลย เบ็ดตกปลาสมัยใหม่เค้ามีนกหวีดกันหมดแล้ว พอปลากินเบ็ด นกหวีดก็จะร้อง ปรี๊ด ๆ ๆ แกก็ตกปลาได้อย่างสบายใจไปเลยไงล่ะ” หมูอู๊ด ๆ ทิ้งเบ็ดตกปลาลงกับพื้น แล้วก็เดินต้วมเตี้ยม ๆ จากไป
น้องเหมียวยิ่งหงุดหงิด คิดในใจว่า แม่แกล้งหลอกฉันจริงๆ นี่น่ะเหรอ เบ็ดตกปลา
เวลานั้นเอง คุณเป็ดก้าบๆ ก็เดินผ่านมา เก็บเบ็ดตกปลาขึ้นมา แล้วก็พูดว่า “ได้ยินคุณพี่ไก่โต้งบอกว่า นายทำเบ็ดตกปลาเหรอ ฉันนี่ล่ะผู้เชี่ยวชาญด้านนี้โดยเฉพาะ ให้ฉันตรวจสอบดูก็แล้วก็กัน รับรองว่าถูกต้องที่สุด”
คุณเป็ดก้าบๆ ดูสักพักหนึ่ง เดี๋ยวก็บอกว่าสายเบ็ดใหญ่เกินไป เดี๋ยวก็บอกว่าคันเบ็ดไม่ตรง สุดท้ายก็บอกว่า “เบ็ดตกปลาของนายคันนี้ทำไมไม่ใช่ทำด้วยเงินล่ะ เบ็ดของใครๆเค้าก็ทำด้วยเงินกันทั้งนั้น”
น้องเหมียวได้ยินดังนั้นก็ถึงกับน้ำตาคลอ ไม่กล้าบอกใครต่อใครว่าเป็นเบ็ดที่ตัวเองทำขึ้นกับมืออีกต่อไป และก็ไม่รู้ว่าคุณเป็ดจะส่งเสียงก้าบๆ ดังลั่นอีกนานเท่าไหร่ น้องเหมียวก็ได้แต่เช็ดน้ำตา จนแม่เหมียวเดินมาปลอบลูกเหมียวว่า “ใครจะว่ายังก็ไม่ต้องเสียใจไปหรอกลูก ทำไมลูกไม่ลองเอาเบ็ดไปตกปลาดูล่ะ ”
น้องเหมียวเชื่อตามที่แม่เหมียวพูด เอาเหยื่อมาเกี่ยวที่เบ็ด แล้วไปนั่งตกปลาอยู่ริมฝั่งน้ำ เพียงชั่วครู่เดียว ก็มีปลามากินเบ็ดแล้ว น้องเหมียวอดใจรอ ให้ปลากินเหยื่อให้หมด สะบัดคันเบ็ดขึ้นมา ก็มีปลาตัวโตติดคันเบ็ดดิ้นขึ้นมาจากน้ำ
น้องเหมียวดีใจมาก จึงตกปลาต่อ เพียงแค่พริบตา น้องเหมียวก็ตกปลาได้เป็นสิบตัว เบ็ดตกปลาที่ทำขึ้นเองคันนี้จึงเป็นเบ็ดที่น้องเหมียวรักและหวงมากที่สุด
小猫咪咪吵着要买个钓鱼竿。妈妈劝他说:”来,妈妈帮你做一个。”
小猫咪咪在妈妈的指导下,选好竹竿,找来丝线,用铁丝弯成钩钩,终于做成一个钓鱼竿。
咪咪正高兴地欣赏着自己的钓鱼竿,这时大公鸡高仰着头走过来:”小咪咪呀,听说你做了个钓鱼竿。让我看看好吗?”
“给,你看吧,是妈妈指导,我自己做的。”
大公鸡左看看,右看看,然后摇头说:”哎,你这鱼竿没有滑轮呀。没有滑轮哪叫鱼竿呀?”
听了这话,小猫咪咪一下子泄气了。他正琢磨自己的鱼竿为什么没有滑轮,这时小猪亨亨走过来,”哼哼哼”,小猪亨亨就像个小老头儿,开口之前先要哼哼一阵子,然后才开口说,”让我看看你的鱼竿,给你参谋参谋。”小猪亨亨拿起鱼竿,上看看,下看看,”哼哼,你这鱼竿没有哨子。”
“要哨子干吗呀?”小猫咪咪不解地问。
“真是个土帽儿,现代化的鱼竿都带哨子,鱼一上钩,哨子就会叽——叽——地响,你就好钓鱼啦。”小猪亨亨扔下鱼竿,背着手哼哼着,一摇一摆地走了。
小猫咪咪更加懊丧了,心想,妈妈真会拿我开心,这也叫鱼竿吗?
这时小鸭呱呱走过来,抢起鱼竿呱呱地说:”听公鸡大哥说你做了个鱼竿,我可是行家,最有发言权,还是让我鉴定一下吧。”
小鸭呱呱看了一会儿,不是说丝线太粗,就是说鱼竿不直,最后竟惊讶地说:”你这鱼钩怎么不是银的呀?人家高级鱼钩都是用银做的呀!”
小猫咪咪已经眼泪汪汪了,对自己眼前的钓鱼竿已经没有勇气说是自己做的了。也不知小鸭呱呱什么时候走的,他只顾在那儿抹眼泪儿。这时妈妈走过来,安慰他说:”别人怎么说不要紧,你自己为什么不拿着鱼竿去钓鱼试一试呢。”小猫咪咪听了妈妈的话,在鱼钩上安上鱼饵,坐在河边钓起鱼来。不一会儿,就有一条鱼咬钩,他沉住气,等鱼儿完全上钩以后,只一甩,一条欢蹦乱跳的大鱼被钓上岸来。小猫咪咪一高兴,一口气又钓上十多条大鱼来。啊,小猫咪咪有一个自己做的心爱的鱼竿了。
ผู้เขียน Yi Ming(ไม่ปรากฏนามผู้แต่ง)
แปลและเรียบเรียง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เมชฌ สอดส่องกฤษ

ของเล่นของน้องเหมียว 咪咪的玩具

น้องหมาไม่สบาย เพื่อนๆก็เอาของเล่นที่ดีที่สุดมาให้ น้องหมาจะได้เล่นแก้เบื่อ
น้องเหมียวก็มากับเค้าเหมือนกัน
น้องหมูป่าแอบเหล่มองน้องเหมียว แต่น้องเหมียวก็ไม่ได้ถืออะไรมาเลยสักอย่าง
เพื่อนพากันมอบของเล่นให้น้องหมา โอ้โห ยานอวกาศบังคับวิทยุ มีหนูบังคับด้วยเสียง แล้วก็ยังมีรถหรูราคาแพงที่ไม่มีใครกล้าแตะอีกด้วย
จนเวียนมาถึงน้องเหมียว
เพื่อนๆต่างทำตาโต พากันมองมาที่น้องเหมียว ก็เห็นแค่มือเปล่าๆ โดยเฉพาะน้องหมูป่า มองจนไม่กระพริบตา
ที่ไหนได้ เจ้าเหมียวกลับพูดว่า “เพื่อนๆ หลับตาก่อน ฉันถึงจะเอาของเล่นออกมาได้”
เพื่อนๆ มองหน้ากัน แล้วก็ยอมหลับตาแต่โดยดี
สักครู่ เจ้าเหมียวก็พูดว่า “ลืมตากันได้แล้ว”
หมูป่าลืมตาขึ้นมามอง เห็นน้องเมียวถือของเขียวๆลายๆอยู่ในมือ มีขนนุ่มๆ ทั้งน่ารัก ทั้งน่าแปลกใจ เพื่อนๆต่างยื่นมือออกมาพร้อมๆกัน แย่งกันเอาไปดูให้รู้แน่ว่าเป็นอะไร
ของที่อยู่ในมือน้องเหมียวดูซุกซนมาก ดิ้นไปดิ้นมาได้ด้วย ชอบวิ่งไปอยู่ข้างหลังน้องเหมียว น้องเหมียวพยายามจับมันเอาไว้ แต่หมุนรอบตัวเป็นร้อยรอบก็จับไม่ได้ ทำเอาน้องเหมียวเหนื่อยจนลิ้นห้อยหอบแฮ่ก ๆ ๆ ทำเอาน้องหมาลายหัวเราะฮ่า ๆ
การแสดงจบลง เพื่อนๆก็เข้ามารุมถามน้องเหมียวว่าซื้อของเล่นมาจากไหน
คราวนี้ น้องเมียวลุกขึ้นยืน ปัดฝุ่นออกจากกระโปรง แล้วพูดว่า “ของเล่นอันนี้ ไม่ต้องจ่ายเงินเลยสักบาทเดียว มันก็คือหางของฉันเองไงล่ะ”
อ้อ….เพื่อนๆ ต่างไม่มีใครนึกถึงเลย
น้องเหมียวบอกอีกว่า “ของเล่นอันนี้ ฉันตั้งใจคิดมาเพื่อน้องหมาโดยเฉพาะเลยนะ ฉันเอาสีมาทาที่หาง แล้วก็ม้วนเป็นลูกกลมๆ ดูสิ น้องหมาลายหัวเราะชอบใจใหญ่ ฉันดีใจจังเลย”
น้องหมาลายที่นอนป่วยอยู่บนเตียงขอบคุณเพื่อนๆ “ขอบใจมากนะเจ้าเหมียวเพื่อนรัก แกช่างดีจิงๆ”
เจ้าหมูป่ารู้สึกละอายใจ ก้มหน้าก้มตา หัวเราะแหะ ๆ แล้วก็พูดว่า “เจ้าหมียว เจ้านี่แน่จริงๆเลย”
小花狗生病了,大伙儿带来了最好的玩具,给小花狗解闷儿。
小猫咪咪也来了。
小黑猪偷眼看咪咪,咪咪的手里什么也没有。
大伙儿开始送玩具了。哇,有遥控飞碟,有声控老鼠,还有精致华贵得让人不敢碰的小轿车……
轮到咪咪了。
大伙儿都把眼睛瞪得大大的,看着咪咪空空的两手。小黑猪更是眼睛一眨也不眨。
没想咪咪却说:”大伙儿都把眼睛闭上,我才好把玩具拿出来!”
大伙儿互相看看,只好把睁大的眼睛闭上。
一会儿,咪咪说:”睁开吧。”
小黑猪睁眼一瞧,咪咪手里捧着个花花绿绿的小东西,毛茸茸的,又有趣又可爱。大伙儿都把脖子伸得长长的,想看个清楚。
咪咪手里的小东西十分灵活,东一蹦,西一跳,总往咪咪身后跑。咪咪想抓住它,可转了一百圈还是没抓住。急得咪咪直朝大家吐舌头,那副滑稽相,逗得小花狗他们哈哈大笑。
表演结束了,大伙儿争着问咪咪玩具是从哪儿买来的。
这时,咪咔从地上站起来,拍拍裙子说:”这个玩具一分钱也没花,它就是我自己的尾巴呀!”
啊,大伙儿谁也没想到!
咪咪说:”这个玩具是我为小花狗精心设计的。我在尾巴上涂了颜色,卷成彩球的样子。看见小花狗那么开心地笑,我真高兴!”
躺在床上的小花狗感激地说:”谢谢你,咪咪,你真好!”
小黑猪不好意思地搔搔头,嘿嘿地笑着说:”咪咪,可真有你的!”
ผู้เขียน Yi Ming(ไม่ปรากฏนามผู้แต่ง)
แปลและเรียบเรียง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เมชฌ สอดส่องกฤษ

กระดิ่งประตู กับ บันได 门铃和梯子

บ้านของหมูป่าอยู่ห่างจากบ้านยีราฟไปไกลมาก แต่เพื่อไปหาเพื่อนรัก หมูป่าก็ไม่เคยหวั่นแม้หนทางไกล
พอไปถึงบ้านยีราฟคอยาว หมูป่าก็เคาะประตู ก๊อก ๆ ๆ
เคาะประตูสักพัก แต่ก็ไม่มีใครมาเปิดประตู
หมูป่าตะโกนถาม “คุณพี่ยีราฟครับ ไม่มีใครอยู่บ้านเหรอครับ”
“อยู่สิ” เสียงพี่ยีราฟตะโกนตอบมาจากในบ้าน
“เอ๊ะ อยู่ในบ้าน แล้วทำไมไม่เปิดประตูล่ะ”
“น้องหมูเอ้ย แหงนหน้ามองข้างบนซิ ฉันติดกริ่งประตูอันใหม่ พอมีใครมาหาฉัน จะต้องกดกริ่งประตูเสียก่อน ฉันได้ยินเสียงกริ่งประตู ถึงจะไปเปิดประตูให้นะ”
ได้ยินดังนั้น เจ้าหมูก็ป่าแหงนหน้าขึ้นมอง เห็นปุ่มกดกริ่งอันเล็กๆข้างบนหัว “พี่ยีราฟครับ ผมอยากกดกริ่งมากเลย แต่พี่ติดกริ่งสูงมากเลย ผมกดไม่ถึงครับ” ……….ก๊อก ๆ ๆ
แต่พี่ยีราฟก็ไม่ยอมมาเปิดประตู “ขอโทษนะ น้องหมูป่า ฉันรู้ว่าแกกดไม่ถึง แต่แกไม่รู้จักหาวิธีอื่นหรือไง ถ้าทุกคนทำเหมือนแก ขี้เกียจเรื่องมาก เอาแต่เคาะประตู แล้วกริ่งที่ฉันติดก็เสียเปล่าน่ะสิ”
หมูป่าหมดคำพูด แต่ก็ไม่รู้จะคิดหาวิธีไหนปีนขึ้นไปกดกริ่งให้ถึง ได้แต่เดิน อู๊ด ๆ ๆ กลับบ้านไป
ผ่านไปช่วงเวลาหนึ่ง หมูป่าก็มาหายีราฟที่บ้านอีกครั้ง คราวนี้มันลากบันไดมาด้วย
หมูป่าเอาบันไดวางพาดที่หน้าบ้านยีราฟ ปีนขึ้นไป แล้วยื่นมือไปกดกริ่งถึงพอดี
แต่ว่า กดยังไงก็ไม่ดัง ทำเอาหมูป่าร้องอู๊ด ๆ ด้วยความหงุดหงิด
“ต้องขอโทษด้วยนะ หมูป่าน้องรัก” เสียงยีราฟคอยาวพูดอยู่ข้างในบ้าน “กริ่งเปิดประตูเสียแล้ว ต้องรบกวนแกเคาะประตูสักสองสามครั้งแล้วล่ะ”
“ทำอย่างงี้ได้ยังไงล่ะ” เสียงหมูป่าตะโกนเสียงดัง “แค่เคาะประตูแค่นั้นเองเหรอ แล้วบันไดที่ฉันแบกมานี่ ก็เหนื่อยเปล่าล่ะสิ”
ตั้งแต่นั้นมา ก็ไม่มีใครอยากมาเที่ยวบ้านยีราฟคอยาวอีกเลย
野猪家离长颈鹿家挺远的。但为了见到好朋友,野猪不怕路远。
到了。咚咚咚!野猪去敲长颈鹿的门。
敲了好一会儿,没人来开门。
野猪大声问:”长颈鹿大哥不在家吗?”
“在家呢。”长颈鹿在里面答应。
“咦,在家为什么不开门?”
“野猪兄弟,你往上瞧,我新装了一个门铃。有谁来找我,要先按门铃。我听见铃响以后,就会来开门。”
野猪抬起头来,看见了那个门铃。”长颈鹿大哥,我很愿意按铃的,但你把它装得太高,我够不着。所以我还是像以前那样敲门吧。”——咚咚咚!
可是长颈鹿仍然不开门。”对不起,野猪兄弟,我知道你真的够不着。但你就不能想想办法吗?要是大家都像你这样,图省事,敲敲门算了,那我的门铃不是白装了吗?,
野猪没话说了,但又怎么也想不出能按到门铃的办法,只好嘟嘟囔囔回家去了。
过了一些日子,野猪又来看长颈鹿。这回他”哼哧哼哧”地扛来了一架梯子。
野猪把梯子架在长颈鹿门外,爬上去,一伸手,够着了那个门铃。
可是,怎么按也不响。急得野猪哇哇叫。
“对不起,野猪兄弟,”长颈鹿在里面解释说,”门铃坏了。只好麻烦你敲几下门了。”
“这怎么行!”野猪叫起来,”只敲几下门?那我这梯子下是白扛来了!”
后来谁也不愿意来长颈鹿家玩儿了。
ผู้เขียน Yi Ming(ไม่ปรากฏนามผู้แต่ง)
แปลและเรียบเรียง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เมชฌ สอดส่องกฤษ

ถนนแสนสวย 美丽的小路

ที่หน้าบ้านคุณเป็ดก้าบๆ มีถนนสายหนึ่ง เป็นถนนที่ยาวมาก ๆ บนถนนปูด้วยหินก้อนเท่าไข่ห่านสีสันสวยงาม ข้างๆถนนมีดอกไม้เบ่งบานสดชื่นเต็มไปหมด
กระต่ายสาวสวยตัวหนึ่งเดินเอ้อระเหยมาจากซอยเล็กๆ ซอยหนึ่ง แล้วพูดว่า “โอ้ ช่างเป็นถนนที่สวยงามจริงๆ”
คุณกวางก็ค่อยๆเดินเข้ามา แล้วก็พูดว่า “โอ้ ช่างเป็นถนนที่สวยงามจริงๆ”
เพื่อนๆต่างก็บอกว่าถนนหน้าบ้านคุณเป็ดก้าบๆ สวยงามมาก ใครๆก็ชอบมาเดินเที่ยวเล่นที่หน้าบ้านคุณเป็ดกันทั้งนั้น แต่ผ่านไปไม่นาน ถนนแสนสวยหายไปไหนแล้ว มีแต่กองขยะกองอยู่เต็มถนน แมลงวันบินหึ่งๆ ตอมขยะอยู่เต็มถนน เกิดอะไรขึ้นกับที่นี่หรือ ที่แท้ก็เป็นเพราะว่า คุณเป็ดเอาอาหารที่กินเหลือโยนลงบนถนน แล้วยังเอาดิน เศษใบไม้ เศษแก้วโยนไปไว้บนถนนนี่เอง
กระต่ายแสนสวยค่อยๆ เดินมา แล้วบอกว่า “โธ่ ถนนแสนสวย ไม่มีอีกแล้ว”
คุณกวางก็เดินเข้ามาเบาๆแล้วก็บอกว่า “เอ๊ะ ถนนแสนสวย หายไปไหนเหรอ”
“โธ่ ถนนแสนสวยของฉัน หายไปไหนเสียแล้ว” คุณเป็ดก็อุทานด้วยความเสียใจเหมือนกัน คุณเป็ดมองดูบนถนน แล้วก็เคาะหัวตัวเองบอกว่า “ฉันจะต้องเอาถนนแสนสวยของฉันกลับคืนมาให้ได้”
วันนี้คุณเป็ดตื่นขึ้นมาแต่เช้ามืด เข็นรถเข็นคันเล็ก เอาไม้กวาดมาหนึ่งด้าม กวาดขยะบนถนนอย่างตั้งอกตั้งใจ กระต่ายแสนสวยและคุณกวางมาเห็นเข้า ก็รีบเข้ามาช่วยกันคนละไม้คนละมือ พวกเขาพากันถือกาน้ำมารดน้ำต้นไม้ดอกไม้ริมถนน แล้วก็อาบน้ำให้กับถนนด้วย
ไม่นานนัก ถนนที่สะอาดสวยงามก็กลับคืนมาดังเดิม กระต่ายแสนสวยบอกว่า “อืม ถนนแสนสวย ช่างหอมเหลือเกิน” คุณกวางก็บอกว่า “ว้าว ถนนแสนสวย ช่างงดงามเหลือเกิน”
คุณเป็ดก็บอกกับเพื่อนๆว่า “ขอให้ถนนแสนสวยอยู่กับเราตลอดไปด้วยเถิด”
鸭先生的小屋前有一条长长的小路。小路上铺着花花绿绿的鹅卵石,小路的两旁开着一朵朵美丽的鲜花。
兔小姐慢慢地从小路上走过来,说:”呵,多美的小路呀!”
鹿先生轻轻地从小路上走过来,说:”呵,多美的小路呀!”
朋友们都说鸭先生有一条美丽的小路,他们都喜欢在美丽的小路上散散步,说说话。可是过了不久,美丽的小路不见了。一堆堆的垃圾堆在小路上,苍蝇在小路上嗡嗡地飞着。这里发生了什么事呢?原来是鸭先生把吃剩下的饭菜,随手往小路上一扔;把泥巴、菜叶和小瓶子也都往小路上一扔。
兔小姐慢慢走来,说:”呀,美丽的小路不见了!”
鹿先生也轻轻走来,说:”咦,美丽的小路哪儿去了?”
“天哪!我的美丽的小路哪儿去了?”鸭先生也叫起来。他看着看着,忽然一拍脑袋说:”我一定要把美丽的小路找回来,”
这天,鸭先生早早起来了,他推着一辆小车,拿着一把扫帚,用力地扫着小路上的垃圾。兔小姐和鹿先生看见了,也赶来帮忙,他们提着洒水壶,给花儿浇浇水,给小路洗洗澡。
不一会儿,啊,一条干干净净的小路又出现了,兔小姐说:”嗯,美丽的小路好香啊!”鹿先生也说:”嗨,美丽的小路好亮啊!”
鸭先生对朋友们说:”让美丽的小路一直和我们在一起吧!”
ผู้เขียน Yi Ming(ไม่ปรากฏนามผู้แต่ง)
แปลและเรียบเรียง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เมชฌ สอดส่องกฤษ

เหมาเหมากับต้นไม้จมูกยาว 毛毛和长鼻子树

เพื่อนรักของเหมาเหมาเป็นใครนะ เป็นต้นไม้จมูกยาวในโรงเรียนนี่เอง
ทำไมเหมาเหมาถึงชอบต้นไม้ต้นนี้ล่ะ อ๋อ เป็นเพราะว่าต้นไม้ต้นนี้มีจมูกยาวๆนี่เอง ต้นไม้จมูกยาวใช้จมูกพูดกับเหมาเหมา ใช้จมูกยาวจับมือกับเหมาเหมา
ต้นไม้จมูกยาวพูดว่า “เหมาเหมา ฉันยอมเป็นเพื่อนกับนายคนเดียวนะ ถ้ามีใครเดินมาใกล้ตัวฉัน ฉันก็จะซ่อนจมูกยาวๆนี้เอาไว้ไม่ให้ใครเห็น”
“ทำไมล่ะ” เหมาเหมาร้องถาม
“ฉันกลัวเด็กๆเอามีดคมๆมากรีดจมูกฉันน่ะสิ” ต้นไม้จมูกยาวพูด
เหมาเหมาพยักหน้า ตกลงที่จะปิดเรื่องของต้นไม้จมูกยาวเป็นความลับ
วันนี้เหมาเหมาไม่ทันระวัง เดินตกไปในแอ่งโคลนจนถุงเท้าเปียกหมดเลย สวมถุงเท้าเปียกรู้สึกไม่สบายเลย
ต้นไม้จมูกยาวบอกว่า “รีบถอดถุงเท้าออกสิ เอามาตากไว้ที่จมูกยาวๆของฉันนี่ก็ได้”
ใช่จริงๆด้วย ถุงเท้าที่เปียกเอาไปตากไว้ที่ต้นไม้จมูกยาว แป๊บเดียวก็แห้งสนิทแล้ว
ลมหนาวค่อยๆพัดมา หนาวจนต้นไม้จมูกยาวไม่กล้ายื่นจมูออกมา วันนี้โรงเรียนปิดเทอม แต่ต้นไม้จมูกยาวก็ยังยื่นจมูกออกมาจับมือกับเหมาเหมา เหมาเหมาร้อยดอกไม้หนึ่งพวงมาแขวนไว้ที่จมูกของต้นไม้ ทำแบบนี้ ต้นไม้จะได้อบอุ่นขึ้นมาหน่อย
“พบกันใหม่ ฤดูใบไม้ผลิปีหน้านะ” ต้นไม้บอกกับเหมาเหมา
“ค่ะ พบกันใหม่ ฤดูใบไม้ผลิปีหน้านะคะ” เหมาเหมาตอบ
พอถึงฤดูใบไม้ผลิปีต่อมา เหมาเหมารีบวิ่งไปโรงเรียน เหมาเหมาโตขึ้นนิดหน่อย อ้วนขึ้นนิดนึงด้วย
เหมาเหมาวิ่งไปถึงต้นไม้จมูกยาว แต่ก็ต้องตกตะลึง บนจมูกของต้นไม้จมูกยาว มีใบไม้อ่อนๆ สีเขียวอ่อนๆ งอกขึ้นมา “เธอเปลี่ยนไปแล้ว ต้นไม้จมูกยาว” เหมาเหมาทำตาโตพูดกับต้นไม้
“เธอก็เปลี่ยนไปเหมือนกันนะเหมาเหมา” ต้นไม้จมูกยาวหัวเราะ
เหมาเหมาลูบต้นไม้จมูกยาวเบาๆ แล้วก็บอกว่า “แต่เราก็เป็นเพื่อนรักกันเหมือนเดิมนะ”
“แน่นอนอยู่แล้ว เพื่อนที่ดีที่สุด”
แล้วเพื่อนทั้งสองก็โอบกอดกัน หัวเราะอย่างมีความสุข
毛毛的好朋友是谁,是校园里那棵长鼻子树呀。
毛毛为什么喜欢这棵树呢?对,就是因为这棵树,有一个光溜溜的长鼻子。长鼻子树用长鼻子跟毛毛说话,用长鼻子跟毛毛握手。
长鼻子树说:”毛毛,我只跟你一个交朋友,别人走到我身边,我会把长鼻子藏起来。”
“为什么呀?”毛毛问。
“我怕淘气的小孩用小刀刻我的长鼻子呀。”长鼻子树说。
毛毛点点头,她会为好朋友的长鼻子保密的。
这天毛毛不小心,一脚踩进水坑里,袜子被浸得透湿,穿在脚上可难受了。
长鼻子树说:”快把湿袜子脱下来,挂在我的长鼻子上晾干。”
真的,湿袜子钟在长鼻子上,很快就晾得干爽爽的。
冬天悄悄来了,冷得长鼻子树不敢伸出长鼻子。学校放假这天,长鼻子树还是伸出冻得通红的长鼻子,跟毛毛握握手。毛毛在长鼻子树身上,系了一块花手绢,她想这样长鼻子树就会暖和一点儿。
“明年春天见!”长鼻子树说。
“明年春天见!”毛毛挥挥手。
第二年的春天,毛毛又奔跑着来上学了。她长高了一点儿,长胖了一点儿。
毛毛跑到长鼻子树面前,一下呆住了。长鼻子树的长鼻子上,抽出了几片嫩叶,绿绿的,毛茸茸的。你变了,长鼻子树!”毛毛睁大眼睛说。
“你也变了,毛毛。”长鼻子树笑了。
“我们还是最好的朋友!”毛毛摸着长鼻子说。
“那当然,最好的朋友!”
两个朋友抱在一起,快活地笑了。
ผู้เขียน Yi Ming(ไม่ปรากฏนามผู้แต่ง)
แปลและเรียบเรียง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เมชฌ สอดส่องกฤษ

หมาป่าจอมโง่ไปโรงเรียน 笨狼上学

มีหมาป่าจอมโง่ตัวหนึ่ง อาศัยอยู่คนเดียวในป่าลึกมานานจนทนไม่ได้ ก็เลยตัดสินใจไปโรงเรียน ที่โรงเรียนมีเพื่อนๆเยอะมาก จะต้องสนุกแน่ๆเลย
หมาป่าจอมโง่เดินทางมาถึงโรงเรียน ก็เข้าไปนั่งอยู่ท่ามกลางเพื่อนๆ ฟังคุณครูสอน
วิชาแรกที่เรียน คุณครูสอนให้รู้คำศัพท์ คุณครูใช้ชอล์คสีแดงเขียนตัวหนังสือบนกระดานว่า “แอ๊บเปิ้ล” แล้วก็บอกกับทุกคนว่า “นี่คือแอ๊บเปิ้ล”
“ไม่ใช่ แอ๊บเปิ้ลก็ต้องกลมๆ สิ สีแดงๆ หวานๆด้วย” เจ้าหมาป่าจอมโง่ลุกขึ้นคัดค้านเสียงดัง
“นั่นน่ะสิ น้องหมาป่าพูดถูก พวกเราล้วนเคยกินแอ๊บเปิ้ลกันมาแล้ว รู้แล้วว่าแอ๊บเปิ้ลมีรูปร่างเป็นอย่างไร” เพื่อนๆคนอื่นๆ ต่างแย่งกันออกความเห็น
“แอ๊บเปิ้ล สองคำนี้ ไม่ใช่ลูกแอ๊บเปิ้ลจริงๆหรอกนะจ๊ะ” คุณครูไม่ค่อยพอใจ
“แล้วทำไมแอ๊บเปิ้ลถึงไม่ใช่แอ๊บเปิ้ลจริงๆล่ะครับ” หมาป่าจอมโง่ร้องถามอีก
“นั่นน่ะสิ ไม่ใช่แอ๊บเปิ้ลจริงๆ แล้วพวกเราจะเรียนไปทำไมล่ะครับ” เพื่อนๆเริ่มพากันส่งเสียงด้วยความสงสัย
“พูดไปเด็กๆก็ยังไม่เข้าใจหรอกนะจ๊ะ พวกเราไม่เรียนคำศัพท์แล้ว เรามาฟังนิทานกันดีกว่านะ” คุณครูพูด
จากนั้น คุณครูก็เล่านิทานเรื่องหนูน้อยหมวกแดงให้ฟัง เด็กๆ ก็นั่งฟังกันเงียบกริบ ตั้งอกตั้งใจฟังนิทาน แต่อยู่ดีๆ เจ้าหมาป่าจอมโง่ก็ลุกขึ้นตะโกนเสียงแหลมว่า “ไม่ใช่ ช่างเป็นเรื่องเหลวไหลจริงๆ ฉันไม่เคยกินหนูน้อยหมวกแดงสักหน่อย”
“บางทีอาจจะเป็นพ่อนายก็ได้นะ” เพื่อนคนหนึ่งบอก
“พ่อฉันไม่มีวันทำเรื่องแบบนี้เด็ดขาด ฮึ่ม”
“หรือว่า บางทีอาจจะเป็นปู่นายก็ได้นะ”
“เป็นไปได้นะว่าจะเป็นปูของนาย”
เจ้าหมาป่าคิดไปคิดมา ก็นั่งเงียบไม่เอะอะโวยวายอะไรอีก เพราะมันไม่รู้จริงๆว่า ปู่กับทวดของมัน เคยทำเรื่องแย่ๆ อย่างเช่น กินหนูน้อยหมวกแดง แบบในนิทานนี้หรือเปล่า
เดิมทีคุณครูอยากจะบอกกับเด็กๆว่า นิทานไม่ได้เป็นเรื่องจริงไปทั้งหมด ก็กลัวว่าเจ้าหมาป่าจอมโง่จะไม่เข้าใจอีก คุณครูก็เลยบอกว่า “เอาล่ะเด็กๆ ตอนนี้เราไม่เล่านิทานกันแล้วนะ เราไปเรียนวิชาพละศึกษากันเถอะ”
เจ้าหมาป่าจอมโง่ก็ตามเด็กๆไปที่สนามหญ้า แล้วก็ต่อแถวยาวตามลู่วิ่ง คุณครูให้ทุกคนวิ่ง ใครวิ่งได้เร็ว คนนั้นก็เป็นนักเรียนวิชาพละศึกษาที่เก่งที่สุด
“ระวัง….ไป”
คุณครูเพิ่งจะออกคำสั่งเสร็จ เจ้าหมาป่าจอมโง่ก็วิ่งหน้าตั้งไปข้างหน้า รวดเร็วราวกับดอกธนู พอถึงทางโค้งก็ลืมเลี้ยว วิ่งเตลิดออกนอกลู่ ทะลุไปถึงทุ่งนา จนเข้าป่าไปเลย สุดท้ายมันก็วิ่งเข้าไปอยู่ในป่าเหมือนเดิม
有一只笨狼,独自在森林里呆得不耐烦了,就想去上学。学校里有那么多的小朋友,一定会很好玩。
笨狼来到学校,坐在小朋友们中间,听老师讲课。
第一节课,老师教大家学习词语。老师用红色的粉笔在黑板上写了”苹果”两个字,告诉大家说:”这是苹果。”
“不对,苹果是圆圆的、红红的、甜甜的。”笨狼第一个站起来反对说。
“是呀,笨狼说的没猎,我们都吃过苹果,知道它是什么样子。”其他的孩子齐声说。
“这是’苹果’两个字,又不是真正的苹果。”老师生气地说。
“为什么苹果不是真正的苹果?”笨狼又问。
“是呀,不是真正的苹果,我们学了又有什么用?”别的孩子又齐声说。
“跟你们说不清楚,我们不学词语了,还是讲故事吧!”老师说。
于是,老师给孩子们讲小红帽的故事,孩子们安安静静地听着,听得非常认真,但是忽然一个尖利的嗓子愤怒地抗议:”不对,这全是造谣,我根本就没有吃过小红帽。”
“也许是你爸爸干的。”一个小朋友说。
“我爸爸不会干这种事!”
“也许是你爷爷?”
“也可能是你太爷爷?”
笨狼想了想,不再吭声了,因为他确实不知道爷爷和太爷爷究竟干没干过像吃小红帽这一类的坏事。
老师本来想告诉笨狼,故事并不一定都是真的,又怕他不明白,老师就说:”好了,现在我们不讲故事了,我们去上体育课吧!”
笨狼和小朋友们来到大操场,在跑道上排好队伍。老师让大家跑步,谁跑得最快,谁就是体育最好的学生。
“预备,跑!”
老师的口令刚发出,笨狼就像箭一样朝前飞跑。他在跑道的拐弯处忘记了拐弯儿,因此,他笔直穿过大操场,越过田野,跑回大森林里去了。
ผู้เขียน Yi Ming(ไม่ปรากฏนามผู้แต่ง)
แปลและเรียบเรียง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เมชฌ สอดส่องกฤษ

โรงแรมแมวกรน “猫打呼噜”旅馆

มีอยู่วันหนึ่ง คณะนักท่องเที่ยวกลุ่มหนึ่งเดินทางมาถึงโรงแรมที่ตั้งอยู่ในป่าแห่งหนึ่ง
ผู้จัดการฮิบโปและคุณเลขาแร็คคูนก็ต้อนรับแขกผู้มาเยือนอย่างขะมักเขม้น นักท่องเที่ยวพากันนั่งอยู่ที่ห้องโถงของโรงแรม รอให้คุณเลขาแร็คคูนจัดห้องพักให้
เดินทางมาไกลแสนไกล เหน็ดเหนื่อยเหลือเกิน ไม่นาน นักท่องเที่ยวพากันง่วงหลับกันหมด
น้องกระรอกแสนสวย ยื่นหัวฟุบหลับไป
คุณนายแรดนอยาวก็พิงกำแพงหลับปุ๋ย
กระต่ายสองตัวก็เอาหัวชนกันหลับไปเหมือนกัน
คุณหมีลายและคุณนายหมีลายก็นั่งเอาหลังพิงกันหลับสบายไปเลย
แต่ที่พิเศษกว่าเพื่อนก็คือ คุณนายเหมียว เพียงแค่หลับตาก็กรนเสียงดังคร่อก ๆ
คร่อก …..ฟี้……คร่อก…..ฟี้….
เสียงกรนของคุณเหมียวทำเอาคนอื่นหนวกหูจนตื่นกันหมด
คุณกระรอกแสนสวยตกใจตื่นลุกขึ้นมาโวยวายว่า “มีแต่คุณตาเท่านั้นที่นอนกรน ทำไมคุณผู้หญิงถึงนอนกรนได้ล่ะเนี่ย”
คุณนายหมีลายก็พูดด้วยความแปลกใจว่า “ฉันก็เพิ่งเคยได้ยินผู้หญิงนอนกรนดังขนาดนี้เป็นครั้งแรกนี่แหละ”
คุณแร็กคูณ ก็เริ่มแจกกุญแจ แบ่งห้องพักกันแล้ว
คุณกระรอกแสนสวยก็ตะโกนเสียงดังขึ้นมาว่า “ฉันไม่นอนกับคุณเหมียวนะคะ รับรองว่าเธอจะต้องนอนกรนจนฉันนอนไม่หลับทั้งคืนแน่ๆ”
กระต่ายสองตัวก็ส่ายหัว พร้อมใจกันพูดว่า “เราทั้งสองขอไม่นอนกับคุณเหมียว ได้ยินเสียงกรนของหล่อน พวกเรานึกว่าเป็นเสียงสิงโตเสียอีก”
คุณหมีลายและคุณนายก็บอกว่า “พวกเราชอบความสงบเงียบ ไม่ชอบให้ใครมารบกวน”
มีเพียงคุณนายแรดเท่านั้นที่บอกว่า “แมวเหมียวนอนกรนเป็นเรื่องปกติ ให้ฉันพักกับคุณเหมียวก็แล้วกันค่ะ”
วันต่อมา ฟ้าเริ่มสว่าง
ที่ห้องโถงของโรงแรมก็มีเสียงเอะอะโวยวายดังขึ้น
กระรอกแสนสวยร้องไห้สะอึกสะอื้น ที่นิ้วเท้าพันผ้าพันแผลรอบไปหมด ที่แท้คุณกระรอกแสนสวยรักสวยรักงามมาก ทาเล็บสีแดงแถมยังมีกลิ่นหอมอีกด้วย หนูจอมตะกละตัวหนึ่งคิดว่าเป็นลูกอม ก็เลยแทะไปเต็มแรง จนนิ้วคุณกระรอกหลุดไปครึ่งนิ้ว
ส่วนคุณกระต่ายทั้งสองล่ะ งัวเงียๆ บอกว่า ไม่ได้นอนเลยทั้งคืน ก็เพราะพวกหนูพากันมาจัดงานเลี้ยงฉลองในห้องของพวกเขา
คุณนายหมีลายขมวดคิ้วย่น แล้วบอกว่า “อาหารแห้งที่พวกเราเตรียมมา ถูกพวกหนูขโมยไปเกลี้ยงเลย เสื้อสูทของคุณผู้ชายก็ยังโดนหนูแทะเป็นรูปโบ๋อีกต่างหาก”
เหลือเพียงคุณนายแรดเท่านั้นที่อารมณ์ดีเป็นพิเศษ หล่อนบอกว่า “โอ้ว้าว ฉันนอนหลับสบายที่สุดเลย ฉันเพิ่งจะรู้ว่า คุณเหมียวเนี่ยนะ ตอนกลางวันนอนกรนเสียงดัง แต่พอตกกลางคืน เธอไม่นอน เพราะคอยเฝ้าจับหนู ห้องฉันก็เลยเงียบสนิทเลย ฉันก็เลยนอนหลับสบายไปเลย”
เพื่อนๆได้ยินดังนั้นก็พากันเข้าไปถามว่า “แล้วคุณเหมียวล่ะ ตอนนี้อยู่ไหนเหรอ”
คุณนายแรดบอกว่า “คืองี้ค่ะ พอฉันตื่น เธอก็เริ่มนอนหลับ กรนเสียงดังเชียวล่ะ แต่ก็ไม่ได้รบกวนฉันเลยนะคะ”
เพื่อนๆต่างพากันอิจฉาคุณนายแรดกันใหญ่
พอถึงคืนวันต่อมา คุณเหมียวก็กลายเป็นแขกคนสำคัญไปเสียแล้ว
ตั้งแต่หัวค่ำจนถึงดึก คุณเหมียวไปเฝ้าอยู่ที่ห้องคุณกระรอกกับคุณกระต่าย
แล้วพอตกดึกถึงเช้าล่ะ
คุณเหมียวก็เฝ้าอยู่ที่ห้องคุณหมีลายและคุณนาย
คืนที่ผ่านมา คุณเหมียวจัดการกับหนูเกเรไปได้ยี่สิบแปดตัวแน่ะ
แขกที่มาพักที่โรงแรมต่างก็นอนหลับสบายใจ เพราะว่าเมื่อคืนที่ผ่านมา ต่างคนต่างไม่ได้นอนกันเลย แต่คืนนี้ แม้แต่ผู้จัดการฮิบโป กับคุณเลขาแร็กคูน ต่างก็พากันนอนกรนเสียงดัง
คร่อก…ก …
คร่อก…ก….
เสียงกรนนั่นช่างน่าฟังเหลือเกิน
พอคุณเหมียวจับหนูเสร็จ ก็หลบขึ้นไปนอนพักบนห้องใต้หลังคาโรงแรม แนบหูฟัง ทั้งโรงแรมช่างเงียบสงบเหลือเกิน
คืนนี้ทั้งคืน โรงแรมแห่งนี้ก็ก็เงียบสงัด ในเงาดำมืดของค่ำคืน เสียงกรนแว่วดังมาจากห้องนู้น ห้องนี้สลับกันไป
คร่อก…ก …
คร่อก…ก….
แขกที่เข้ามาพักที่โรงแรมคนแล้วคนเล่า ต่างก็หลับสนิท สบายใจจริงๆ
วันต่อมา ในขณะที่ทุกคนกำลังกินข้าวเช้า เดินเล่นสบายใจอยู่ท่ามกลางป่าเขาลำเนาไพรนั้น คุณเหมียวล่ะ หายไปไหน
คุณเหมียวนอนหลับอยู่ในห้อง คราวนี้ถึงทีคุณเหมียวนอนกรนบ้างล่ะ
ผู้จัดการฮิบโป กับคุณเลขา รู้สึกขอบคุณคุณเหมียวมากที่ช่วยจัดการกับเจ้าหนูจอมปัญหาของโรงแรมไปได้
และยินดีต้อนรับคุณเหมียวให้กลับมาพักที่โรงแรมอีก แถมยังจัดให้คุณเหมียวพักห้องที่ดีที่สุดของโรงแรม และบริการที่พิเศษที่สุด
ผู้จัดการฮิบโป ได้รับอนุญาตจากคุณเหมียว เปลี่ยนชื่อโรงแรมเป็น “โรงแรมแมวกรน”
แขกที่มาจากใกล้ไกล ต่างก็ชอบมาพักที่โรงแรมแห่งนี้
ส่วนพวกหนูจอมเกเรล่ะ พากันหนีออกไปจากโรงแรมจนหมด เพราะพวกมันรู้แล้วว่าโรงแรมแห่งนี้ชื่อว่า
“โรงแรมแมวกรน”
那一天,有一个旅行团来到森林旅馆。
河马经理和浣熊小姐忙着接待客人们,大伙儿坐在旅馆的大厅里,等候着浣熊小姐给他们安排房间。
旅途太劳累了,没过一会儿,大伙儿开始打起瞌睡来。
漂亮的松鼠小姐,头朝前一冲一颠的;
犀牛太太倚着墙,睡得很沉;
两只小白兔头碰到一起也睡着了;
獾先生和獾太太,背靠着背睡得很舒服。
最有趣的是猫女士,她一合眼就打起呼噜来了——
“呼-一噜!”
“呼一-噜!”
那声音把大伙儿都惊醒了。
松鼠小姐吃了一惊,她说:”只有老爷爷才打呼噜,怎么女士也会打起呼噜来呢?”
獾太太也奇怪地说:”女士的呼噜打得这么响,我也是头一回听到!”
浣熊小姐开始分房间了。
松鼠小姐第一个喊叫起来:”我不愿意和猫女士一起住,她的呼噜会闹得我整夜睡不着的。”
两只小白兔也摇头说:”我们不想和猫女士在一起,听见她的呼噜,我们还以为是老虎来了呢!”
獾先生和獾太太也说:”我们喜欢安静,不喜欢别人来打扰。”
只有犀牛太太说:”猫打呼噜,挺平常的事儿,就让我和猫女士一起住吧。”
第二天,天刚蒙蒙亮。
旅馆的大厅里突然热闹起来。
松鼠小姐哭哭啼啼的,她的小脚趾头上,包着纱布。原来,松鼠小姐爱漂亮,她的小脚趾上,都涂着香喷喷的红色指甲油。有一只老鼠以为那是一块糖,就使劲地咬了一口,咬掉了松鼠小姐的小半截脚趾头。
小白兔俩呢,无精打采地说,他们一晚上都没睡着,老鼠们在他们的房间里开联欢会。
獾太太皱着眉头说:”我们带来的干粮,全让老鼠给掏光了,獾先生的西服上,也被老鼠咬了一个洞。
只有犀牛太太精神最好,她说:”哎呀,我睡得好极了。我这才知道,猫女士白天睡觉打呼噜,晚上她一晚都没睡,忙着捉老鼠呢。房间里静悄悄的,我睡得可香甜了。
大伙问:”猫女士呢,现在在哪里?”
犀牛太太说:”这不,我起来了,她开始睡着打呼噜了,这对我一点儿都没有影响。”
大伙儿非常羡慕犀牛太太。
第二天晚上,猫女士成了贵客。
她上半夜,在松鼠小姐和小白兔俩的房里。
下半夜呢——
她守候在獾先生和獾太太的房间里。
这一夜,她一共逮住了二十八只老鼠。
整个旅馆里的客人们,都睡得那么香甜。由于昨天晚上大家都没睡好,这一夜,连河马经理和浣熊小姐一起,大家都打起了呼噜。
“呼-一噜!”
“呼——噜!”
那声音真好听。
猫女士捉完了老鼠,在旅馆的尖房顶上休息,她侧着耳朵细听,周围静极了。
而整座旅馆,却像一头蹲伏在黑夜里的巨兽,在一下一下地打着呼噜-一
“呼一一噜!”
“呼——噜!”
整座旅馆仿佛睡得熟极了,舒服极了……
第二天,当大伙在吃早饭、在森林里散步时,猫女士呢?
她正在房间里睡觉,该轮到她打呼噜了。
河马经理和浣熊小姐,非常感谢猫女士,帮他们除了一直令他们头痛的鼠害。
他们俩非常欢迎猫女士常来这里住,他们愿意为猫女士提供最好的房间和最周到的服务。
河马经理征得猫女士的同意,他把旅馆的名字改成:”猫打呼噜”旅馆。
远近的客人们,都喜欢来住这家有名的旅馆。
至于老鼠呢,躲得远远的,因为他们知道,这座旅馆名叫:
“猫打呼噜”旅馆。
ผู้เขียน Yi Ming(ไม่ปรากฏนามผู้แต่ง)
แปลและเรียบเรียง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เมชฌ สอดส่องกฤษ