หมูน้อยส่องกระจก 小猪照镜子

เจ้าหมูน้อยอู๊ด ๆ หน้าเลอะเทอะเปรอะเปื้อนอยู่ตลอดเวลา
อยู่มาวันหนึ่ง เป็นวันเกิดเจ้าหมูอู๊ดๆ เจ้ากระต่ายน้อยมอบกระจกหนึ่งบานเป็นของขวัญวันเกิด ให้เจ้าหมูอู๊ดๆ ก่อนออกจากบ้านทุกวัน “แกจะได้รู้ว่าหน้าของแกตรงไหนเปื้อน ก็จะได้เช็ดออกให้สะอาด”
เช้าวันต่อมา เจ้าหมูอู๊ดๆ ไม่อยากเห็นหน้าที่สกปรกของตัวเอง ก็เลยล้างหน้าให้สะอาดหมดจด ก่อนที่จะส่องกระจก
แต่พอเจ้าหมูอู๊ดๆ จะไปส่องกระจก มีแมลงวันตัวหนึ่งบินมา เหมือนกับปาระเบิดเลยล่ะ เจ้าแมลงวันอึใส่กระจกเลอะหมดเลย เจ้าหมูอู๊ดๆ ก็กลายเป็นเจ้าหมูสกปรกไปในทันที
เจ้าหมูอู๊ดๆรีบเอาผ้าขนหนูมาเช็ดหน้า แล้วก็รีบไปส่องกระจก ทำไมถึงเช็ดไม่ออกเสียทีนะ
“เจ้าหมูอู๊ดๆเพื่อนรัก” เสียงกระต่ายน้อยเรียกเจ้าหมูอู๊ดๆไปเล่นด้วยกัน
เจ้าหมูอู๊ดๆบอกว่า “รอเดี๋ยว ฉันยังเช็ดหน้าไม่สะอาด ออกไปข้างนอกไม่ได้หรอก”
“ถูกแล้ว ” เจ้ากระต่ายก็รออยู่ข้างนอก แต่รออยู่ตั้งนาน เจ้าหมูอู๊ดๆก็ไม่ออกมาสักที
เจ้ากระต่ายก็เลยเดินเข้าไปดู จึงเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
“เจ้าหมูอู๊ดๆ เอ๊ย แกเข้าใจผิดแล้วล่ะ” กระต่ายเอาอึแมลงวันที่อยู่บนกระจกมาให้เจ้าหมูอู๊ดๆดู “ที่สกปรกน่ะ คือกระจก แต่หน้าของแกน่ะ สะอาดจนไม่รู้จะสะอาดยังไงแล้ว”
จากนั้นมา ทุกครั้งที่เจ้าหมูอู๊ดๆส่องกระจก เมื่อเห็นหน้าตัวเองสกปรก เจ้าหมูอู๊ดๆก็จะคิดว่า “อ๋อ ที่แท้กระจกนี่เองที่สกปรก หน้าของฉันสะอาดอยู่แล้ว”
ดังนั้น ไม่ว่าเจ้าหมูอู๊ดๆจะส่องกระจกทุกวันยังไง มันก็ยังเป็นเจ้าหมูสกปรกอยู่เหมือนเดิม
小猪的脸总是很脏。
小猪过生日那天,他的朋友小兔送给他一面镜子,要他每天出门前照一照,”这样你就能知道脸上哪儿有脏,就可以把脏擦掉。”
第二天一早,为了不让镜子照出脏来,小猪把脸洗得于干净净的。
但当他正要照镜子时,飞来一只苍蝇,扔炸弹一样,把一点苍蝇屎掉到镜子上。这样,镜子里的小猪就成了一只脏小猪。
小猪赶紧拿毛巾来擦脸。擦一次,照一次镜子……怎么老是擦不掉?
“小猪!”小兔来叫小猪去玩。
小猪说:”等一等,我不把脸擦干净是不能出门的。”
“对。”小兔就在门外等。可是等了好久还不见小猪出米。
小兔进去一看,这才弄明白是怎么回事。
“小猪呀,你搞错了,”小兔把镜子上的苍蝇屎给小猪看,”脏的是镜子,你的脸已经擦得很干净很干净了。”
从这以后,每当小猪照镜子,看到镜子里的小猪脸上脏了,他就想:”这是镜子脏了,我的脸其实是很于净的。”
所以,尽管小猪天天照镜子,他还是一只脏小猪。
ผู้เขียน Yi Ming(ไม่ปรากฏนามผู้แต่ง)
แปลและเรียบเรียง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เมชฌ สอดส่องกฤษ

สะพานงวงช้าง 象鼻子桥

ในป่าแห่งหนึ่งมีลำธารเล็กๆสายหนึ่ง สองฝั่งไม่กว้างมากนัก เพียงแค่เจ้าจ๋อหรือเจ้าหมีกระโดดหยองๆก็ข้ามไปได้แล้ว แต่เจ้ากระต่ายน้อย หนูตัวน้อยๆข้ามไปไม่ได้ เพราะพวกมันตัวเล็กเกินไป ก็ได้แต่นั่งทอดถอนใจอยู่ริมลำธาร
ช้างงวงยาวเดินผ่านมาพบเข้า ก็คิดว่า ฉันน่าจะช่วยพวกเค้านะ มันก็เลยตั้งที่พักอยู่ริมลำธาร ถ้ามีเพื่อนๆสัตว์น้อยจะข้ามลำธาร เจ้าช้างงวงยาวก็เอางวงม้วนเพื่อนสัตว์น้อยแล้วก็ส่งข้าม ฝั่งไป
เจ้ากระต่ายน้อย หนูตัวน้อยๆ ดีอกดีใจกันมาก “ให้ช้างเอางวงม้วนขึ้นไป เหมือนนั่งเครื่องบิน บินข้ามไปอีกฝั่งหนึ่งเลยล่ะ” พวกมันก็มักเอาเรื่องนี้ไปเล่าเรื่องนี้ให้ลิงและหมีฟังอยู่บ่อยๆ
ลิงและหมีได้ยินดังนั้นก็เกิดความอิจฉามาก พากันเดินมาที่ริมลำธาร แล้วแกล้งทำเป็นป่วย พี่ช้างงวงยาวเห็นดังนั้นก็รีบม้วนงวงส่งมันข้ามฟาก ให้พวกมันรีบไปหาหมอที่โรงพยาบาล
“ว้าว สบายจังเลย สนุกด้วย” เจ้าลิงและหมีแอบกระซิบกระซาบกัน “ต่อไปพวกเราก็ให้ช้างส่งข้ามฟากแบบนี้ก็แล้วกัน”
ช้างใจดี ไม่คิดทวงบุญคุณอะไร แต่ว่าเจ้าหมีตัวหนักมาก ช้างเอางวงม้วนเจ้าหมีตัวอ้วนต้องออกแรกมาก ไม่นานช้างก็รู้สึกปวดงวงมาก ก็เลยไปหาหมอที่โรงพยาบาล
“แย่จัง จะทำยังไงดีล่ะ ไม่มีใครส่งเพื่อนๆข้ามลำธารแล้วล่ะ”
“เป็นเพราะพวกแกแหละ ตัวเองข้ามลำธารเองได้ ยังจะต้องให้พี่ช้างส่งข้ามฟากอีก ดูซิ พี่ช้างเหนื่อยจนป่วยเลย” เสียงเจ้ากระต่ายน้อยร้องโวยวาย เอ็ดเจ้าหมีกับจ้าลิงด้วยความโมโห หมีกับจ้าลิงก็ได้แต่ก้มหน้าด้วยความละอายใจ
เจ้าลิงออกความคิดว่า “พวกเราจะให้พี่ช้างส่งข้ามลำธารตลอดไปไม่ได้หรอก เราจะต้องช่วยกันสร้างสะพาน”
“ใช่แล้ว ใช่แล้ว เดี๋ยวฉันจะไปตัดไม้นะ” เจ้าหมีพูดยังไม่ทันขาดคำก็รีบวิ่งเข้าป่าไป
“เราทำสะพานให้เหมือนกับงวงของพี่ช้างก็แล้วกัน เวลาเราข้ามสะพาน จะได้เหมือนกับเดินอยู่บนงวงของพี่ช้างยังไงล่ะ” เจ้ากระต่ายออกความเห็นเสียงเจื้อยแจ้ว
ว่าแล้ว เจ้าหนู ก็แทะไม้ที่เจ้าหมีตัดมาจากในป่า แทะจนเป็นรูปสะพานโค้งเหมือนกับงวงของพี่ช้าง จากนั้นเพื่อนๆก็ร่วมแรงร่วมใจกันยกสะพานไปตั้งข้ามลำธาร จากนั้นมา พวกมันก็ข้ามลำธารได้ด้วยความสะดวกสบาย
ฝ่ายพี่ช้าง พอหาหมอเสร็จปุ๊บ ก็รีบวิ่งกลับมาริมลำธารเพราะเป็นห่วงเพื่อนๆจะข้ามลำธารกันไม่ได้ พอวิ่งมาถึงก็เห็นอะไรโค้งๆข้ามลำธารมาแต่ไกล นั่นอะไรเหรอ พี่ช้างเดินเข้าไปใกล้ๆ แล้วร้องถาม หลังจากดูอย่างถี่ถ้วนแล้วก็ร้อง “อ๋อ ที่แท้ก็เป็นสะพานงวงช้างนี่เอง”
“ต่อไปนี้ ไม่ต้องรบกวนพี่ช้างส่งพวกเราข้ามลำธารแล้วนะฮะ” บรรดาสัตว์ตัวเล็กตัวน้อยพูดกับพี่ช้าง แต่เราก็หวังว่า พี่จะพักอยู่กับเราที่นี่ พวกเราอยากได้เพื่อนที่เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แบบนี้
พี่ช้างได้ยินดังนั้นก็ม้วนงวงยาว แล้วก็พยักหน้าด้วยความดีใจ “ได้ ๆ ๆ ฉันจะพักอยู่กับพวกเจ้าที่นี่แหละ”
森林中有一条小小的河。河不宽,小猴子、小狗熊一跃就过去了;可小白兔、小老鼠就不行,他们太小了,跳不过河去,常呆在河边发愁。
大象看见了,心想,我该帮帮他们呀。他住到小河边上。小动物要过河,他就用长长的鼻子把他们卷起来,送到河对岸。
小白兔、小老鼠可高兴了。”让大象的鼻子卷着,就像坐飞机一样,飞到河对岸了。”他们常这么对小猴子、小狗熊说。
小猴子、小狗熊听了好羡慕,他们来到河边,装出生病的样子。大象看见了,赶紧把他们送到河对岸,让他们去医院看病。
“真的很舒服,很好玩。”小猴子、小狗熊悄悄地商量,”以后,咱们也让大象送过河。”
大象心肠好,不计较。可小狗熊太重了,大象用长鼻子卷起他,觉得很吃力。没几天,大象就觉得长鼻子酸酸的,很难受。他到医院去看病了。
呀,这下糟了,没人送大家过河了。
“都是你们,自己会过河,还要大象送,把大象累病了。”小白兔一埋怨,小狗熊和小猴子的脸红了。
“咱们不能老是让大象送,咱们该在河上架桥。”小猴子想了个主意。
“对!对!我这就去砍树!”小狗熊说着跑了。
“咱们把桥做成象鼻子的样子,这祥,从桥上走过,就会觉得还像坐在象鼻子上。”小白兔说。
于是,小老鼠在小狗熊砍来的树干上啃呀啃,啃成个象鼻子的样子,真有趣。然后,大家齐心协力,把桥架上小河。现在过河真方便。
大象看完病,急急忙忙赶回来,他惦记着小动物呢。远远地,他看见小河上有个弯弯的东西,那是什么?大象走近一看,啊,原来是座象鼻子桥!
“现在不需要你送我们过河了。”小动物们笑盈盈地对大象说,”不过,我们希望你还是和我们住在一起,我们需要你这个热心的大朋友!”
大象卷起长鼻子,高兴地点点头:”好!好!我一定还和你们住在一起。”
ผู้เขียน Yi Ming(ไม่ปรากฏนามผู้แต่ง)
แปลและเรียบเรียง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เมชฌ สอดส่องกฤษ

เจ้านกตัวแสบ 无情鸟

เจ้านกวาดคิ้วกำลังจะเป็นคุณแม่แล้ว มันเพียรพยายามคาบกิ่งไม้ใบไม้และโคลนมาสร้างรังที่ทั้งอุ่นทั้งแข็งแรง
ส่วนเจ้านกแขกเต้า ก็กำลังจะเป็นคุณแม่เหมือนกัน แต่มันไม่เตรียมตัวอะไรเลยสักอย่าง วันๆเอาแต่บินไปทางโน้นที ทางนี้ที เพื่อดูว่ารังของใครสร้างดีที่สุด
“ทั้งป่าเนี่ย มีรังของแม่นกวาดคิ้วนี่ล่ะ ที่สร้างได้ดีที่สุด ให้แม่นกวาดคิ้วกกไข่ให้ฉันดีกว่า” แม่นกแขกเต้าตกลงปลงใจแน่วแน่ แล้วก็บินตรงลงไปที่รังของแม่นกวาดคิ้ว
“สวัสดีจ้ะ แม่นกวาดคิ้ว” เจ้านกแขกเต้ากระวีกระวาดเข้าไปร้องทักทายแม่นกวาดคิ้ว “ฉันได้ข่าวมาว่า เธอกำลังจะฟักลูกๆนกวาดคิ้วอยู่ ก็เลยตั้งใจมาเยี่ยมเธอโดยเฉพาะเลยนะ”
“ขอบใจมากจ๊ะ” พูดจบแม่นกวาดคิ้วก็ตั้งหน้าตั้งตาฟักไข่ต่อไป ช่วงเวลานี้ แม่นกไม่ชอบให้ใครมารบกวนเลย
“รังที่เธอสร้าง สวยจังเลย ฉันขอเข้าไปชมหน่อยได้มั้ยจ๊ะ”
พอได้ยินแม่นกแขกเต้าชมว่ารังของตนสวย แม่นกวาดคิ้วผู้แสนปราณีก็รีบบินออกจากรังทันที แล้วก็เชิญให้นกแขกเต้าเข้าไปดูในรัง
เจ้านกแขกเต้าเจ้าเล่ห์ ก็ทำท่านั่งฟักไข่เหมือนกับแม่นกวาดคิ้ว ย่อตัวลงในรัง “ช่างสบายอะไรเช่นนี้ ขอฉันอยู่ต่ออีกหน่อยเถอะนะ”
ผ่านไปสักพักหนึ่ง แม่นกแขกเต้าถึงยอมบินออกมาจากรัง
รีบบินจากไปอย่างสบายอกสบายใจ ไม่กล่าวลาแม่นกวาดคิ้วเลยสักคำ
แม่นกวาดคิ้วก็เข้าไปในรัง ตั้งอกตั้งใจฟักไข่ต่อไป โดยที่มันไม่รู้เลยว่า ใต้อ้อมปีกของมันมีไข่ของแม่นกแขกเต้าเพิ่มมาอีกหนึ่งฟอง
เวลากกไข่ ช่างยาวนานเหลือเกิน ในที่สุดก็มาถึงวันนี้ แม่นกได้ยินเสียงจิกเปลือกไข่อยู่ที่ใต้ปีกของมัน
“โอ้ ลูกรักของแม่ ในที่สุดก็ออกมาเสียที” แม่นกวาดคิ้วก็รีบจิกเปลือกไข่เอาออกไปไว้ข้างหน้า ก็เห็นตัวนกน้อยโผล่ออกมาแล้ว มันลืมตากลมมองไปรอบๆตัวอย่างประหลาดใจ แล้วก็พยายามลุกขึ้นยืน แม่นกวาดคิ้วก็ช่วยพยุงให้ลูกออกมาจากไข่ “ดูซิ เจ้าหนูน้อย เก่งจังเลย” แม่นก วาดคิ้วมองดูลูกตัวแรกตัวเองด้วยสายตาอ่อนโยนและเมตตา ใช้ปากไซ้ขนลูกนกที่ทั้งเปียกทั้งยุ่ง
ลูกนกตัวนี้ ตัวโตกว่าปกติมาก แต่แม่นกวาดคิ้วจะรู้มั้ยว่า ลูกตัวแรกของมัน ที่แท้แล้ว กลับเป็นลูกนกแขกเต้า
ผ่านไปสองสามวัน ลูกที่เหลืออีกสามตัวก็ฟักออกมาจากไข่แล้ว แม่นกวาดคิ้วต้องเหนื่อยมาก ทุกๆวันจะต้องออกจากรังแต่เช้ากลับมาถึงรังก็พลบค่ำ เพื่อบินไปหาอาหารมาเลี้ยงลูกทั้งสี่ตัวของมัน นกแขกเต้าตัวน้อยกินเก่งมาก กินเท่าไหร่ก็ไม่เคยพอ เพื่อที่จะแย่งอาหารของพี่น้องของมัน อยู่มาวันหนึ่ง มันแอบถือโอกาสตอนที่แม่นกวาดคิ้วบินออกไปหาอาหาร ถีบพี่น้องทั้งสามออกจากรังอย่างโหดร้าย
แม่นกวาดคิ้วสูญเสียลูกไปทั้งสามตัว ก็มอบความรักให้กับลูกนกแขกเต้าหมดทั้งหัวใจ มันยอมอดอาหาร เพื่อให้ลูกนกแขกเต้าได้กินอิ่มท้อง
เจ้านกแขกเต้าตัวโตขึ้นทุกวัน ๆ แต่แม่นกวาดคิ้วก็แก่ชราลงทุกวัน พอมันแก่จนบินไม่ไหวเสียแล้ว เจ้านกแขกเต้ากลับกางปีกที่แข็งแกร่ง บินจากไป
แม่นกวาดคิ้วเสียใจนักหนา มันไม่อยากจะเชื่อเลยว่า ลูกที่เลี้ยงมาด้วยความทุกข์ยากลำบาก จะเป็นนกไร้หัวใจ ที่ลืมบุญคุณของพ่อแม่ที่เลี้ยงดูมา
画眉就要做妈妈了,她衔来树枝和泥土筑了一个又暖和、又结实的巢。
杜鹃也要做妈妈了,可她什么准备也不做,整天飞到西来飞到东,看谁的巢筑得好。
“森林里数画眉的巢筑得好,就让她替我孵蛋好啦!”杜鹃心里打定了主意,便向画眉的巢飞去。
“你好啊,画眉!”杜鹃做出十分亲热的样子,”我听说你正在孵小画眉,就来看看你。”
“谢谢你!”画眉一心一意地孵蛋,这时候真不愿意有谁来打扰她。
“你筑的巢真是漂亮极了,我能进去看看吗?”
听到杜鹃赞美自己筑的巢,画眉的心里喜滋滋的。她不由自主地走出巢来。请杜鹃进去了。
杜鹃学着画眉孵蛋的样子,蹲下身子:”多么舒服啊!让我多呆一会儿。”
过了好一会儿,杜鹃才从巢里走出来。
她并不和画眉告别,心满意足地飞走了。
画眉接着孵蛋,她没有发现,在她翅膀下面多了一个杜鹃蛋。
孵蛋的日子过得真慢哪:好不容易等到这一天,画眉听到翅膀底下有啄蛋壳的声音。
“啊,小宝宝终于出世了!”画眉把那只破壳的蛋移到面前,小鸟的脑袋伸了出来,他睁着好奇的眼睛,东瞧瞧,西望望,使劲地向上挣着身子。画眉妈妈帮助他出了蛋壳,”瞧,小家伙长得多棒!”她慈爱地看着她的第一个孩子,用嘴梳理着他又湿又乱的羽毛。
这只小鸟的个儿比一般刚出壳的小鸟要大得多。画眉妈妈哪里知道,她的第一个孩子竟是小杜鹃。
过了几天,另外三只蛋也破壳了。画眉妈妈非常辛苦,每天早出晚归,为她的四个孩子找吃的,小杜鹃的胃口特别好,他总是吃不饱。为了独占他弟弟妹妹的食物,有一天,他趁画眉妈妈出去觅食的时候,狠心地将三只小画眉推出巢外。
失去了三个孩子的画眉妈妈,把爱全给了小杜鹃。她宁愿自己挨饿,也要把食物省给小杜鹃吃。
小杜鹃一天天成长起来,画眉妈妈却一天天地衰老下去,当她再也飞不动的时候,小杜鹃却展开长硬的翅膀,永远地离开了她。
画眉妈妈伤心极了,她不愿相信,自己千辛万苦抚养大的孩子,不过是一只忘恩负义的无情鸟。
ผู้เขียน Yi Ming(ไม่ปรากฏนามผู้แต่ง)
แปลและเรียบเรียง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เมชฌ สอดส่องกฤษ

ดอกถั่วลันเตา 豌豆花儿

วันหนึ่ง ดอกถั่วลันเตาสีม่วงอ่อน เริ่มผลิบาน
ใบถั่วพูดว่า “เธอช่างงดงามเหลือเกิน”
กิ่งถั่วพูดว่า “เธอก็ช่างน่ารักเหลือเกิน”
ลมโชยพลิ้ว พัดพาเอาคำพูดของใบถั่ว และกิ่งถั่วไปบอกกับผีเสื้อ ต่างก็โบยบินมาเชยชมดอกถั่ว
ผีเสื้อร้องถามว่า “คุณดอกถั่วจ๋า ความหวังของคุณคืออะไรคะ”
ดอกถั่วกระซิบตอบเบา ๆ “ฉันหวังว่าฉันจะได้เป็นคุณแม่ อยากจะมีลูกอ้วนๆ กลมๆสักสี่ฝัก”
“แต่ว่าเธอก็จะเปลี่ยนไปมาก จนดูไม่ได้เลยนะ คุณไม่กลัวเหรอ ตอนที่ลูกคุณค่อยๆโตขึ้น คุณก็จะค่อยๆแห้งโรยรา” เสียงกิ่งถั่วร้องบอก
“แล้วในที่สุด คุณก็เปลี่ยนเป็นผงธุลีสีดำ ร่วงหล่นลงในโคลนตม คุณไม่กลัวเหรอ” ใบถั่วร้องถาม
“ไม่ ฉันไม่กลัวหรอก ฉันอยากจะเป็นคุณแม่” ดอกถั่วช่อเล็กๆ ตอบอย่างมั่นอกมั่นใจ
“ตกลงจ๊ะ ความหวังของเธอจะต้องเป็นจริง” ผีเสื้อบินวนรอบๆดอกถั่วสามรอบ เสกคาถาเพี้ยง แล้วก็บินจากไป
หลังจากนั้นมาไม่กี่วัน เกสรดอกถั่วก็ออกฝักลูกถั่วเล็กๆออกมา
ดอกถั่วรีบนำข่าวดีนี้บอกกับกิ่งถั่วและใบถั่ว ทั้งสามดีใจกันใหญ่ ร้องเพลงเบาๆคลอไปกับสายลมโชยเอื่อยอย่างมีความสุข
ผ่านไปสิบกว่าวัน ฝักถั่วก็โตขึ้นมาก แต่ดอกถั่วกลับซีดและผอมแห้งลงไปมาก
“อดทนหน่อยนะ เราจะช่วยเธอเอง” กิ่งถั่วกับใบถั่วปลอบดอกถั่วที่กำลังเหี่ยวเฉา
พายุพัดกระหน่ำมาหอบหนึ่ง ฝักถั่วเอาตัวเป็นกำบังลมให้กับดอกถั่วอย่างแข็งแกร่ง
ฝนเทลงมาอย่างหนักหน่วง ใบถั่วก็ยืดใบเป็นร่ม บังฝนให้กับดอกถั่ว
“ขอบคุณมากค่ะ” ดอกถั่วแข็งใจฝืนยิ้มอย่างลำบาก “ในฝักถั่วมีลูกๆอยู่ 4 เมล็ดจริงเหรอ”
“ใช่แล้ว” กิ่งถั่วกับใบถั่วพยักหน้าพร้อมๆกัน
หลายวันผ่านไป ตอนนี้ฝักถั่วอวบอ้วนกระโดดโลดเต้นอยู่บนกิ่งถั่ว แล้วดอกถั่วล่ะ แห้งเหี่ยวเฉาเป็นก้อนเล็กๆสีดำเกาะอยู่ที่กิ่งถั่ว
“ฉันคงอยู่เลี้ยงดูลูกๆไม่ไหวแล้วล่ะ” ดอกถั่วพูดด้วยเสียงเศร้าสร้อย
“พวกเราจะดูแลเขาแทนเธอเอง” กิ่งถั่ว กับใบถั่วบอกด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
ได้ยินดังนั้น ดอกถั่วที่เหี่ยวเฉาก็วางใจ ยิ้มพรายเพียงเบาๆ แล้วปลิดปลิว ลอยลงสู่พื้นดิน
แสงทองของฤดูใบไม้ร่วงมาถึงแล้ว ในที่สุด ฝักถั่วก็โตเต็มที่
ในวันที่แสงอาทิตย์สว่างไสว เมล็ดถั่วทั้งสี่ก็กลิ้งออกมาจากฝักถั่วสีทอง
“แม่จ๋า แม่จ๋า” เมล็ดถั่วลืมตาขึ้น ก็มองหาแม่ไปทั่วทิศ
“แม่จ๋า แม่จ๋า” เมล็ดถั่วพากันร้องเรียกกิ่งถั่ว
แต่กิ่งถั่วส่ายหัวไปมา
“แม่จ๋า แม่จ๋า” เมล็ดถั่วพากันร้องเรียกใบถั่ว
แต่ใบถั่วก็ส่ายหัวไปมา
กิ่งถั่วกับใบถั่วแก่มากแล้ว ไม่มีแม้เรี่ยวแรงจะพูด ทันใดนั้น เด็กเก็บฟืนเดินผ่านมา เก็บกิ่งถั่วและใบถั่วไป ทั้งสองจะกลายไปเป็นไฟอุ่นในฤดูหนาวที่กำลังจะมาถึง แล้วก็จะโบยบินขึ้นสู่ฟ้าแสนไกล
แล้วดอกถั่วล่ะ ใครกันหนอที่จะบอกเล่าเรื่องราวของแม่ดอกถั่วให้กับลูกถั่วได้รู้ล่ะ
ยังมีลม มีฝน มีแสงอาทิตย์ แล้วก็ฝูงผีเสื้อแสนสวยนั่นไง
一天,一朵淡紫色的豌豆花儿绽开了。
豆叶说:”她真漂亮。”
豆茎说:”她真可爱。”
春风把豆茎和豆叶的话告诉了粉蝶,粉蝶飞来了。
粉蝶问:”豌豆花儿,你有什么愿望?”
豌豆花儿小声答道:”我希望能做一个妈妈,希望有四个圆圆胖胖的儿子。”
“你会变得很难看的,你不怕吗?当你的孩子们一点一点长大时,你就会一点点干枯。”豆茎说。
“你最后会变成一点黑色的粉末,落入泥土中,你不怕吗?”豆叶问。
“不,我不怕,我就想做个妈妈。”小小的豌豆花儿坚决地说。
“好吧,你的愿望能实现。”粉蝶绕着豌豆花儿飞舞了三圈,施了点魔法,飞走了。
几天后,豌豆花儿的花芯里长出了一颗小小的青豆荚。
豌豆花儿把这个消息告诉了豆茎和豆叶。他们三个非常激兴,在微微的和风里唱了一支快乐的歌。
十多天过去了,豆荚长大了许多,豌豆花儿却变得苍白瘦弱了。
“坚持住,我们会帮你的。”豆茎和豆叶说。
一阵大风吹过来,豆荚坚强地挺立着,为豌豆花儿挡风。
一阵大雨落下来,豆叶尽力伸展着,为豌豆花儿挡雨。
“谢谢,”豌豆花儿艰难地笑笑,”豆荚里真的有四个小宝贝吗?”
“是的。”豆茎和豆叶点点头。
又是许多日子过去了。现在,一颗胖胖乎乎的大豆具挺立在豆茎上,而豌豆花儿呢,已经枯干成了一个黑色的小点。
“我恐怕不能再照顾我的小宝贝了。”豌豆花儿说。
“我们会照顾它的。”豆茎和豆叶说。
干枯的豌豆花儿放心了。她无声地微笑着,悄悄落入了泥土中。
金秋到来了,豆荚终于成熟了。
在一个阳光灿烂的日子里,四颗结实圆满的豆子从金质的豆荚里滚了出来。
“妈妈,妈妈——”豆子们一睁开眼睛,就四处寻找他们的妈妈。
“妈妈,妈妈。”他们对着豆茎喊。
豆茎摇摇头。
“妈妈,妈妈。”他们对着豆叶喊。
豆叶摇摇头。
豆茎和豆叶已经太老了,再没有力气说话。一个拾柴的孩子走过来,拣走了豆茎和豆叶。他们将会在冬天的火塘里化作一阵温暖光明的大火,飞向远方。
那么,还有谁会把踪豆花儿的故事告诉豆子们呢?
有风,有雨,有阳光,还有那只美丽的小粉蝶。
ผู้เขียน Yi Ming(ไม่ปรากฏนามผู้แต่ง)
แปลและเรียบเรียง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เมชฌ สอดส่องกฤษ

วงดนตรีถังเหล็ก 铁皮桶乐队

ชนบทเล็กๆแห่งหนึ่ง มีถังเหล็กพักอยู่รวมกัน บ้างก็สูง บ้างก็เตี้ย บ้างก็อ้วนบ้างก็ผอม เสียงพูดของพวกเขา ดังกังวาน
ถังเหล็กใบไหนอ้วนและใหญ่ ตีพุงอ้วนๆนั้น ก็จะร้องเสียงดัง “โป้ง ๆ ๆ ” ข้าเป็นพี่ใหญ่ พวกเจ้าต้องฟังข้า
ถังเหล็กตัวสูง ทั้งสูงทั้งเรียว ตีท้องผอมๆ ร้องเสียงดัง “ตงๆ ๆ ” ตัวฉันสูงเพรียว พวกเจ้าต้องฟังข้านะ
เจ้าถังเหล็กตัวน้อย ทั้งเล็กทั้งเตี้ย โผล่หน้ามา ร้องว่า “ติ๊งๆ ๆ” หนูเป็นน้องเล็ก พวกพี่ต้องฟังหนูนะ
ถังเหล็กสามพี่น้องตะโกนเสียงดังทั้งวันทั้งคืน ไม่มีใครฟังใคร “โป้งๆ ๆ ตงๆ ๆ ติ๊งๆ ๆ ” ถังเหล็กทั้งหลายต่างคนต่างร้องเสียงดังแข่งกัน เสียงเอะอะน่าหนวกหู
ด๊อกเตอร์จิงโจ้ที่อยู่ใกล้ๆ ก็หนวกหูจนโรคหัวใจกำเริบ คุณนายจิ้งจอกก็หนวกหูจนนอนไม่หลับ ลูกของคุณหมีขาวก็หนวกหูจนร้องไห้โยเย ชาวบ้านทั้งหลายก็ปรึกษากันว่า จะพากันย้ายไปอยู่ที่อื่น
อยู่มาวันหนึ่ง พวกถังเหล็กตะโกนจนเหนื่อยถึงหุบปากเงียบเสียงลงได้ จึงรู้สึกว่าบริเวณรอบๆ เงียบสงัด เกิดอะไรขึ้นเหรอ ด้วยความสงสัย พากันวิ่งออกมาดูข้างนอก
เพื่อนๆ พากันย้ายออกไปหมดแล้ว หมู่บ้านทั้งหมู่บ้านช่างเงียบเหงาเหลือเกิน “เอ๊ะ เกิดอะไรขึ้นเนี่ย” บรรดาถังเหล็กมองหน้ากันด้วยความงุนงง
ถังพี่ใหญ่ร้องขึ้นมาว่า “เป็นเพราะพวกเราไม่ดีเอง วันๆ เอาแต่ร้องเอะอะโวยวาย รบกวนเพื่อนบ้าน จนไม่ได้พักผ่อน นอนหลับ”
“ใช่จริงๆด้วย” เหล่าถังเหล็กรู้สึกเสียใจมาก
“เรามาคิดหาวิธีให้เพื่อนๆ กลับมากันดีกว่า” ถังพี่ใหญ่ออกความคิด
“พวกเรามาตั้งวงดนตรีกัน เล่นดนตรีให้เพื่อนๆฟัง เยี่ยมไปเลยล่ะ” ถังน้องเล็กเจื้อยแจ้วออกความเห็น
“เป็นความคิดที่ดี” พี่น้องถังเหล็กพากันหัวเราะชอบใจอย่างมีความสุข
เหล่าถังเหล็กมายืนเรียงแถวกันตามลำดับสูง เตี้ย อ้วนผอม พี่ถังใหญ่ เป็นผู้อำนวยเพลง ฝึกซ้อมกันด้วยความตั้งอกตั้งใจ
หลายวันต่อมา เหล่าถังพี่น้อง มารวมตัวกันที่สนามหมู่บ้าน เปิดการแสดงอย่างเป็นทางการ
“ * * * ติ๊งๆตง ติ๊งๆ ตง โป้งๆ ๆ ตงๆ ๆ * * * ” เสียงเพลงไพเราะชื่นใจ ดังแว่วไปไกล เพื่อนๆพากันมาชมดนตรี หมู่บ้านที่เคยเงียบเชียบ กลับมีชีวิตชีวาขึ้นมาอีกครั้ง
เพื่อเป็นการขอบคุณการแสดงดนตรีของบรรดาถังเหล็ก ท่านด๊อกเตอร์จิงโจ้ก็หิ้วถังสีมาหนึ่งถัง ทาสีเปลี่ยนเสื้อผ้าให้กับเหล่าถังเหล็ก คุณนายจิ้งจอกเอาผ้าแพรไหมมาพันคอให้กับนักดนตรี คุณหมีขาวมอบไม้ควบคุมเพลงให้กับผู้อำนวยเพลง เหล่านักดนตรีถังเหล็กก็ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที ต่างพากันกล่าวขอบคุณเพื่อนๆด้วยความดีใจ
เพื่อนๆก็กล่าวด้วยความดีใจว่า “ขอบคุณมากสำหรับเสียงเพลง และดนตรีที่แสนไพเราะ”
ผู้คนในหมู่บ้านแห่งนี้ ไม่มีใครพูดถึงเสียงเอะอะโวยวายน่าหนวกหูนั้นอีกเลย มีเพียงเสียงดนตรีไพเราะจากคณะนักดนตรีถังเหล็กที่ยังคงความไพเราะไม่มีวันลืมเลือนเท่านั้น
小镇上,有几只铁皮桶住在一起,他们有高有矮,有胖有瘦,讲起话来声音响响的。
大铁皮桶又粗又壮,他拍着大肚皮,叫着:”哐哐哐,我是大哥哥,你们要听我的。”
长铁皮桶又高又细,他伸着长脖子,叫着:”咚咚咚,我的个子高,你们要听我的。”
小铁皮桶又矮又小,她挤过来,叫着:”当当当,我是小妹妹,你们要听我的。”
白天吵,晚上吵,谁也不听谁的。”哐哐哐、咚咚咚、当当当……”几只铁皮桶吵成一团,声音又大又难听。
住在隔壁的袋鼠博士被吵得犯了心脏病;狐狸太太被吵得睡不了觉;白熊先生的宝宝被吵得哇哇大哭。他们商量着,把家搬走了。
终于有一天,铁皮桶们吵累了,都闭上了嘴。他们突然发觉周围静悄悄的。出了什么事?于是一齐跑出门去。
朋友们全搬走了,小镇冷冷清清。”咦?这是怎么回事呢?”铁皮桶们你看我,我看你,弄不明白。
大铁皮桶一拍脑袋,叫着:”是我们不好,只顾大吵大叫,影响了别人休息和睡觉。”
“对,是这么回事。”大家很难过。
“我们想个办法把朋友们请回来吧!”长铁皮桶说。
“我们成立一支小乐队,给大家演唱,一定很捧的。”小铁皮桶说。
“这个主意好!”大家都高兴起来。
铁皮桶们按高矮胖瘦排好队,大铁皮桶当指挥,齐心合力地排练着。
几天后,铁皮桶们来到小镇的广场上,正式演出了。
“丁丁咚,咚咚丁,哐哐哐,当当当……”清脆好听的乐曲传得很远很远,朋友们纷纷跑来看演出,冷冷清清的小镇又热闹起来了。
为了感谢铁皮桶乐队的演出,袋鼠博士提来一桶彩色油漆,为铁皮桶们穿上好看的演出服;狐狸太太用彩色丝带为铁皮桶们系上神气的领带;白熊先生送给大铁皮桶一根银白色的指挥棒。铁皮桶们又神气又漂亮,他们高兴地说:”谢谢你们!”
朋友们也高兴地说:”谢谢你们带来的快乐和歌声!”
小镇的人们谁也不记得曾经有几只爱吵闹的铁皮桶,而只记得有一支能带来快乐的铁皮桶乐队。
ผู้เขียน Yi Ming(ไม่ปรากฏนามผู้แต่ง)
แปลและเรียบเรียง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เมชฌ สอดส่องกฤษ

เป็ดสี่ตำลึงปากครึ่งชั่ง 四两鸭子半斤嘴

เป็ดจอมโว วันๆ เอาแต่แหงนหน้ามองฟ้า นกนางแอ่นถามเจ้าเป็ดจอมโวว่า
“พี่สาว พี่อยากบินขึ้นฟ้าหรือไง”
“ใช่แล้ว” เป็ดสาวจอมโม้ตอบ “ฉันกำลังดูว่าใครบินได้สูงที่สุด ฉันจะบินให้สูงกว่าเขา”
นกนางแอ่น :ฉันบินได้สูงกว่านกกระจิบ แต่หงส์บินได้สูงกว่าฉัน
เป็ดจอมโว :มีใครที่บินได้สูงกว่าหงส์อีกมั้ย
นกนางแอ่น :อันนี้ต้องลองตรวจสอบดูสักหน่อย
เป็ดจอมโว :เธอจะต้องตรวจสอบให้แน่นอน ปีหน้าฟ้าใหม่มาบอกฉันด้วย
ปีต่อมา นกนางแอ่นบินกลับมา บอกว่า “ฉันรู้แล้ว บินสูงกว่าหงส์ คือห่านฟ้า
“ไม่มีใครบินได้สูงกว่าห่านฟ้าอีกแล้วแน่นะ”
เป็ดจอมโวก็ถามซ้ำๆเพื่อความมั่นใจ นกนางแอ่นก็ตอบด้วยความมั่นใจ ปีที่สามก็มาบอกอีกว่า บินได้สูงกว่าห่านฟ้า คือ นกกระจอกเมฆ ปีที่สี่ ก็มาบอกอีกว่า บินได้สูงกว่านอกกระจอกเมฆคือ หงส์ตัวผู้ ในที่สุดเป็ดจอมโวก็พยักหน้าด้วยความเข้าใจ พร้อมกับพูดว่า
“ถ้าเช่นนั้น ฉันจะบินให้สูงกว่าหงส์ตัวผู้ให้ได้”
นกนางแอ่นคิดไปคิดมา ก็พูดว่า “เธออยากรู้ไหม ว่าหงส์ตัวผู้บินขึ้นฟ้าได้ยังไง”
เป็ดจอมโวก็คิดไปคิดมาแล้วก็พูดว่า “อยากรู้สิ เพราะนี่จะทำให้ฉันรู้ว่า จะบินยังไงให้สูงกว่าหงส์ตัวผู้ ใช่หรือเปล่าล่ะ”
นกนางแอ่นพาเป็ดจอมโวไปที่ถนนบนภูเขาสูง พวกมันบินลงไปจากที่นี่ ก็จะสามารถมองเห็นพญาเหยี่ยวที่เกาะอยู่บนหน้าผาฝั่งนู้น ผลักลูกหงส์ตัวเล็กๆลงไปในเชิงเขาลึก หงส์ฟ้าตัวน้อยลอยอยู่ในอากาศสักครู่ก็กางปีกออก บินข้ามยอดภูผา บินขึ้นสู่ท้องนภา
เป็ดจอมโวเห็นดังนั้นก็พูดว่า “อ้อ ที่แท้ลูกเหยี่ยวบินขึ้นจากหน้าผานี่เอง แต่ตอนนี้ฉันยืนอยู่สูงกว่าพวกมัน ถ้าจะบินให้สูงกว่าพวกมันก็ไม่เป็นปัญหาแน่นอน”
นกนางแอ่นคิดในใจว่า คราวนี้ ถึงทีเจ้าเป็ดจอมโวจะบินแล้วล่ะ แต่พอมันบินกลับมาเป็นครั้งที่ห้า ก็พบว่า เจ้าเป็ดจอมโวก็ยังคงแหงนหน้ามองฟ้า นกนางแอ่นรี่เข้าไปถาม
“พี่สาว ทำไมพี่สาวถึงยังไม่บินเสียทีล่ะ”
เป็ดจอมโวก็ตอบว่า “ฉันก็กำลังจะถามเธออยู่นี่ไง เธอไม่รู้หรือไงว่าเครื่องบิน บินได้สูงกว่าเหยี่ยวเสียอีก ทำไมเธอไม่บอกฉันตั้งแต่แรกล่ะ”
นกนางแอ่นตอบว่า “ฉันเชื่อว่า จะต้องมีสิ่งที่บินได้สูงกว่าเครื่องบินเป็นแน่ แต่ว่าเธอเป็นเป็ดอายุห้าขวบแล้ว เธอจะรอไปถึงเมื่อไหร่”
เป็ดจอมโวส่ายหัวไปมา แล้วบอกว่า “ปัญหาอยู่ที่ ฉันจะบินให้สูงที่สุด บินสูงที่สุดไม่ได้ ก็เปล่าประโยชน์สิ้นดี”
จนกระทั่งเป็ดจอมโวรู้ว่าจรวดบินได้สูงที่สุด ขนก็ร่วงหมดตัวเสียแล้ว
家鸭常常歪着脑袋张望天空。燕子问她:
“大姐!你想飞起来吗?”
“是的。”家鸭回答。”我正在研究谁飞得最高,我想超过他。”
燕子说:”我比麻雀飞得高,大雁比我飞得高。”
家鸭问:”有没有比大雁飞得还高的呢?”
燕子说:”这需要调查一下。”
家鸭说:”你一定要调查清楚,明年再来的时候告诉我。”
第二年,飞回来的燕子说:”我弄明白了,比大雁飞得高的是天鹅。”
“有没有比天鹅飞得还高的呢?”
……
家鸭就这样反复问,燕子逐一做了回答:第三年说比天鹅飞得高的是云雀,第四年说比云雀飞得高的是雄鹰。家鸭总算明白地点了点头,说:
“那么,我一定要比雄鹰飞得还高。”
燕子想了想,说:”你愿意知道雄鹰是怎样往高处飞的吗?”
家鸭也想了想,说:”愿意。这能帮助我了解怎样才能超过他,是不是?”
燕子领家鸭来到一处高山公路,他们从这里向下望去,可以看见对面的悬崖上站着一只老鹰,正把一只小鹰推向深谷,小鹰在空中摇晃了几下,终于展翅飞翔,翻过了悬崖,跃上了蓝天。
家鸭看到这里,说:”原来小鹰是从悬崖底下飞起来的。我现在站的地方比他起飞的地方高多了。看来,我超过他是不成问题的。”
燕子以为,家鸭这次总该飞起来了。可当他第五次飞回来的时候,发现家鸭仍然在歪着脖子望天。燕子又问:
“鸭大姐!你为什么还不飞呢?”
家鸭埋怨道:”我正要问你呢——难道你不知道飞机比鹰飞得还高吗?这一点儿你为什么不早告诉我呢?”
燕子说:”我相信一定会有比飞机飞得还高的东西。可你已经是只五岁的老鸭子了,你还有多少等待的时间呢?”
家鸭摇了摇头,说:”问题是要飞得最高,飞不了最高,太没劲!”
当家鸭知道火箭飞得最高的时候,身上的羽毛已经全掉光了。
ผู้เขียน Yi Ming(ไม่ปรากฏนามผู้แต่ง)
แปลและเรียบเรียง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เมชฌ สอดส่องกฤษ

ลูกปืนน้ำ 水弹弹

ปั้งๆ ยิงแม่นมาก อ๋อ ที่แท้เป็นเจ้า เหวยเหว่ย ปลาพ่นน้ำนี่เอง
ลูกปลาพ่นน้ำชื่อ เหวยเหว่ย เรียนวิธีพ่นน้ำกับแม่มานานแล้ว เพราะพยายามฝึกฝนด้วยความอดทน จนปัจจุบันกลายเป็นปลาพ่นน้ำที่เก่งที่สุดในท้องน้ำแห่งนี้
วันนี้เจ้าปลาน้อยแหวกว่ายไปมาตามกอหญ้าที่ขึ้นอยู่ในน้ำ ยิงแมลงที่เกาะอยู่ตามยอดหญ้า มียุงตัวหนึ่งร่อนลงมาเกาะที่ใบหญ้า ห่างจากตัวมันออกไปประมาณสามเมตร มันพ่นน้ำสุดแรงเสียงดัง “ปั้ง” ยุงตัวนั้นถูกยิงจนร่วงลงน้ำ เป็นอาหารอันโอชะของมัน กินยุงเสร็จ เจ้าปลาก็ว่ายวนไปมาสักครู่ กินแมลงไปอีกหลายตัว จนพุงกาง อิ่มแปล้
เจ้าปลาพ่นน้ำ ภาคภูมิใจในความสามารถของตัวเองมาก ตอนนี้รู้สึกว่า ไม่มีอะไรทำ อยากจะหาอะไรเล่นสนุก ๆ ขณะนั้นก็มีเป็ดตัวหนึ่งเดินต้วมเตี้ยมอยู่ริมฝั่ง เห็นดังนั้น เจ้าปลาพ่นน้ำก็เตรียมอมน้ำไว้ในปาก แล้วก็เล็งไปที่หางของเป็ด แล้วก็ยิงกระสุนน้ำไปที่เป็ดตัวนั้นเสียงดัง “ปั้ง” หางเป็ดตัวนั้นถูกกระสุนน้ำยิงเข้าอย่างจัง หันหลังกลับไปมองก็ได้แต่รู้สึกประหลาดใจ อะไรยิงหางฉันเหรอเนี่ย มองไปรอบๆตัว ไม่เห็นจะมีอะไร ก็ ต้วมเตี้ยม ๆ เดินต่อไป
“ปั้ง” กระสุนน้ำ ยิงมาอีกหนึ่งลูก ยิงโดนหัวอย่างแม่นยำ
“โอ้ย..เจ็บจังเลย ใครกันน่ะ” เป็ดเอามือลูบหัวด้วยความมึนงง พร้อมกับมองหารอบๆตัว
เจ้าปลาพ่นน้ำ กระหยิ่มยิ้มย่องในใจ ค่อยๆผุดขึ้นมาเหนือน้ำ แล้วก็เล็งไปที่ปากของเป็ด
“ปั้ง” เป็ดโดนกระสุนน้ำยิงเข้าอีกครั้ง แต่คราวนี้ เป็ดรู้ตัวแล้วว่า ใครเป็นคนยิง ที่แท้ก็เป็นเจ้าปลาพ่นน้ำตัวแสบนี่เอง
ด้วยความโกรธ ก็กระโดดลงน้ำไปทันที แล้วไล่กวดเจ้าปลาพ่นน้ำไปติด ๆ ส่วนเจ้าปลาพ่นน้ำเห็นท่าไม่ดี ก็รีบมุดหนีลงไปในน้ำ เวลาเดียวกันนั้นเอง ก็มีปลาคาร์ปว่ายผ่านมา เจ้าเป็ดขี้โมโหไม่สนใจว่าใครเป็นใคร เอาหัวมุดลงไปในน้ำ คาบปลาขึ้นมาทีละตัว ๆ แม้ว่าปลาคาร์ปจะว่ายน้ำหนีไปได้เร็วเท่าไร แต่ก็ยังมีตัวที่โชคร้าย กลายเป็นอาหารของเป็ดขี้โมโหไปสี่ห้าตัว
แม่ของปลาคาร์ปรู้เรื่องเข้า ก็ร้องไห้เสียใจไปหาแม่ของเหวยเหว่ย แม่ของเหวยเหว่ยก็ขอโทษแม่ปลาคาร์ปด้วยความรู้สึกผิด แล้วก็กำชับเจ้าเหวยเหว่ยว่า “การพ่นน้ำของเรา มีไว้เพื่อการดำรงชีพ ไม่ใช่เพื่อความสนุกสนาน เข้าใจมั้ย ลูกจะใช้มันทำร้ายผู้อื่น สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้อื่นไม่ได้เด็ดขาด” เหวยเหว่ยก็รู้สึกสำนึกผิดอย่างมากกับสิ่งที่ทำลงไป เหวยเหว่ยจดจำคำของแม่ และจะปรับปรุงตัวให้ดีขึ้น
อยู่มาวันหนึ่ง เหวยเหว่ยออกนอกบ้านเพื่อหาอาหาร พอว่ายมาถึงริมฝั่งน้ำ เห็นแม่ปลาคาร์ปกำลังกินหนอนตัวยาวๆ งอ ๆ มันกำลังจะร้องทักแม่ปลาคาร์ป แต่ไม่ทันเสียแล้ว แม่ปลาคาร์ป ถูกเบ็ดเกี่ยวดึงขึ้นฝั่งไปเสียแล้ว
แม่ปลาคาร์ปดิ้นอยู่ไปมา เหวยเหว่ยผุดขึ้นจากน้ำก็เห็นว่า ที่แท้เป็นเจ้าแมวเฒ่านี่เอง กำลังโยงเบ็ดจะจับแม่ปลากินเข้าแล้ว
เหวยเหว่ยรีบยิงกระสุนน้ำไปที่เจ้าแมวตัวนั้นอย่างรวดเร็ว “ปั้ง” ยิงโดนลูกตาขวาของแมวเฒ่าตัวนั้น เจ้าแมวเฒ่ารีบเอามืออีกข้างที่ไม่ได้จับคันเบ็ดขยี้ตา แต่เบ็ดหลุดมือ แม่ปลาคาร์ปได้โอกาสกระโดดลงน้ำทันทีทันใด เหวยเหว่ยรีบพยุงแม่ปลาคาร์ป แล้วดึงเบ็ดออกเร็วไว
แม่ปลาคาร์ปรอดชีวิต ลูกๆปลาคาร์ปก็ว่ายมาอยู่รอบๆ ชมเชยกระสุนน้ำของเหวยเหว่ยว่าเป็นกระสุนวิเศษ ส่วนเจ้าเหวยเหว่ยก็รู้สึกเขินมาก จึงว่ายน้ำจากไป
“砰!”趴在草叶上的蚊子落水了。”砰!”又一只小飞虫落水了。咦?什么东西,砰砰的射得这么准?嗅,原来是射水鱼尾尾。
射水鱼尾尾跟妈妈练习射水弹弹已经很长时间了。由于他刻苦训练,已经是一名弹无虚发的水中射手。
这天,他穿行在水草下,射击着草叶上的昆虫。刚刚有一只大蚊子落在草叶上,离他足有三米远哩。
可他憋足劲,”砰!”的一声,就将蚊子射落在水中,成了他的一道小菜。他又游了一会儿,接连吃了不少昆虫,肚子鼓鼓的,已经很饱了。他为自己高超的射击技术得意,现在觉得没事可干,想寻找目标开开心。
正巧一只鸭子在岸边蹒跚行走。于是他暗暗地将一口水含到嘴里,运足气对准鸭子的尾巴”砰——”的一颗水弹弹射过去。鸭子的尾巴被重重地一击,回头看看,感到很奇怪:什么东西弹了我一下?看看周围什么也没有。于是他又继续一摇一摆地向前走。
“砰!”又一颗水弹弹射来,不偏不斜正射在他头上。
“哎哟,好痛,是谁干的?”鸭子捂着脑袋,四处寻找着。尾尾不由得一阵得意,将头探出水面,对准鸭子的嘴巴,”砰!”又是一下,鸭子脸上又重重地挨了一下。
可是鸭子这次看清楚了,是水中的一条鱼在攻击他。不由得心中一阵恼怒,他三步两步跳入水中,向射水鱼尾尾奔来。尾尾见势不妙,一头扎进深水游走了。这时正有一群小鲤鱼经过,恼怒的鸭子不管三七二十一,仲进头就一条一条地提起来。虽然小鲤鱼们逃得快,还是有四五条成了鸭子嘴里的零食儿。
小鲤鱼妈妈知道了,痛哭着找到尾尾的妈妈。尾尾的妈妈连连向鲤鱼妈妈道歉,并严肃地对尾尾说:”我们射水鱼的本领是为鱼类的生存谋取幸福的,如果你用它去欺侮别人,惹是生非,给别人带来灾祸,是绝对不允许的。”尾尾也深为自己的行为痛心,他决心牢记妈妈的话,改正错误。
一天,射水鱼尾尾外出寻食,游到湖边的时候,看到鲤鱼妈妈正在吞食一条弯曲的绿虫子。他刚要招呼鲤鱼妈妈,忽然鲤鱼妈妈被一条线绳拽出水面。鲤鱼妈妈在空中挣扎着,荡来荡去。尾尾探出水面一看,原来是一只老猫,正握着鱼竿准备抓鲤鱼妈妈哩。尾尾一惊,立即将一颗水弹弹射出去,”砰——”的一下打在老猫的右眼上,老猫忙用没抓鱼竿的前爪去揉。尾尾又”砰——”的一声,猫的左眼也中了水弹!老猫不得不用双爪去揉眼睛,鱼竿掉了,鲤鱼妈妈这才跌回水里。这时尾尾忙托起鲤鱼妈妈的身体,将鱼钩从她嘴里退出来。
鲤鱼妈妈得救了,小鲤鱼们围上来,夸赞尾尾射出的水弹是做好事的神弹弹。尾尾不好意思地游开了。
ผู้เขียน Yi Ming(ไม่ปรากฏนามผู้แต่ง)
แปลและเรียบเรียง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เมชฌ สอดส่องกฤษ

ม่านดำของหมึกน้อย 施放烟幕的小乌贼

ท้องทะเลสีคราม คลื่นลมสงบ ช่างเป็นช่วงเวลาพิเศษที่ใครต่อใครพากันออกเดินทางท่องเที่ยว แม่ปลาหมึกพาลูกๆ ไปเยี่ยมคุณยายที่บ้านเก่า นี่เป็นครั้งแรกที่เจ้าหมึกน้อยออกนอกบ้าน จึงรู้สึกเบิกบานใจเป็นพิเศษ เจ้าหมึกน้อยล่องไปลอยมาตามหลังแม่ อ้อ ดูนั่นสิ ตามตัวห่มเกล็ดใสๆ ระยิบระยับเป็นข้อ ๆ เจ้ากุ้งแสนสวยนั่นเอง แล้วนั่นล่ะ ตัวแบนๆ มีหัวโผล่ขึ้นมาจากลำตัว ปลากระเบนนี่นา เจ้าหมึกน้อยว่ายน้ำไปพลาง ดูไปพลาง ช่างพลิดเพลินใจเหลือเกิน
ทันใดนั้นเอง มีปลายักษ์ตัวหนึ่ง อ้าปากกว้างว่ายตรงมาที่หมึกน้อย หมึกน้อยตะโกนร้องด้วยความตกใจ วิ่งไปหลบอยู่ใต้ท้องแม่ แต่แม่หมึกกลับไม่ได้ตกใจเลยสักนิดเดียว ยืดหนวดม้วนเข้าม้วนออก แล้วพ่นหมึกดำออกมา ปลายักษ์ตัวนั้นหลบไม่ทันโดนหมึกดำเข้าไปเต็มๆ จนสำลัก “อึ้ก ๆ” หมึกดำเริ่มกระจายเต็มน้ำกลายเป็นม่านดำทึบ เจ้าปลายักษ์ถูกคลุมด้วยม่านหมึกสีดำทึบ เหมือนกับถูกขังไว้ในถ้ำมืด จนคลำหาทางไม่เจอ อาศัยช่วงชุลมุนนี้เอง แม่หมึกก็พาหมึกน้อยหนีไปได้สบาย ๆ
“ช่างอันตรายเหลือเกิน” หมึกน้อยถอนหายใจเฮือกใหญ่ “แม่ฮะ แม่เรียนวิทยายุทธนี้มาจากไหนเหรอครับ ยอดเยี่ยมไปเลยฮะ”
“เจ้าเด็กโง่ การพ่นม่านหมึกเป็นสันชาติญาณของเราเหล่าปลาหมึกนะลูก พวกเราทุกตัวมีหมึกอยู่ในตัวทั้งนั้น เมื่อประสบเหตุร้าย ก็จะพ่นม่านหมึกออกมา เพื่อพรางตัว แล้วก็รีบหลบหนีออกมา ถ้าลูกไม่เชื่อลูกลองทำดูเองก็ได้” แม่หมึกสอนให้ลูกหมึกใช้วิทยายุทธ์เฉพาะตัว
“ใช่แล้ว นั่นล่ะ ดูดลมเข้าไป แล้วยืดตัวตรง แล้วหุบตัวเข้า อ้าว อึ๊บ” เจ้าหมึกน้อยทำตามที่แม่สอน แล้วหมึกสีดำๆ ก็พ่นออกมาจากตัวมันจริงๆด้วย เจ้าหมึกน้อยดีใจมาก คิดอยู่ในใจว่า ฉันจะไม่กลัวปลายักษ์มากินฉันอีกต่อไปแล้ว
หมึกน้อยกลับมาจากบ้านคุณยาย ก็ยังคิดถึงเรื่องวิทยายุทธ์เฉพาะตัวของเหล่าปลาหมึกอยู่ไม่หาย ลองแอบใช้วิชาดูตั้งหลายครั้งจนชำนาญ และก็รู้สึกสนุกกับของเล่นใหม่ที่มีอยู่ในตัวอันนี้ มันเที่ยวอวดความสามารถของมันกับเพื่อนๆ ปลากระเบน กุ้ง และก็ปลิงทะเลไปทั่ว
“ดูนี่นะ ฉันมีวิชาพ่นม่านหมึกด้วยล่ะ พวกแกทำเป็นหรือเปล่า” เจ้าหมึกน้อยโอ้อวดด้วยความภาคภูมิใจ
“เจ้าหมึกน้อย วิชากระจอก ๆ แบบนี้ ไม่เห็นต้องอวดเลย น่าจะเรียนวิชาใหม่ๆจะดีกว่า” ปลิงทะเลบอก
“แกไม่ต้องมาสอนฉันหรอก เชอะ” หมึกน้อยไม่สบอารมณ์ แล้วก็พ่นม่านหมึกใส่เพื่อนๆ ปลิงทะเล กุ้ง และปลากระเบน จนเพื่อนๆ วิ่งหนีกันคนละทิศละทาง เจ้าหมึกน้อยตั้งใจจะสั่งสอนเพื่อนๆของมัน ก็สูดลมหายใจเข้า พ่นเอาๆ ทำเอาดำมืดไปทั่วท้องทะเล เจ้าหมึกน้อยหัวเราะชอบใจ แล้วก็จะว่ายน้ำหนีออกไป แต่ว่า หมึกพ่นออกมามากเกินไป จนตัวเองก็หนีออกไปไม่พ้น เป็นผลร้ายที่ตัวเองสร้างขึ้นแท้ ๆ เลย
รอจนม่านหมึกดำค่อยๆจางหายไป น้ำทะเลค่อยๆใสสะอาดขึ้นมาอีกครั้ง เจ้าหมึกน้อยก็วิ่งจนหมดแรงเสียแล้ว เห็นเพื่อนๆ สะบักสะบอมไปตามๆกัน ก็ค่อยๆ ลุกขึ้นมาตะโกนว่า “เจ้าปลิงทะเล เป็นไงล่ะ เห็นความร้ายกาจของฉันแล้วใช่มั้ยล่ะ” ไม่ทันจะสิ้นเสียง เงาทะมึนพุ่งตรงเข้ามาที่หมึกน้อย ด้วยความตกใจ รีบสูบลมหดตัว ยืดตัว หมายจะพ่นม่านหมึกอีกครั้ง แต่หารู้ไม่ว่า หมึกที่อยู่ในท้องใช้ไปจนหมดแล้ว ไม่มีอะไรจะพ่นออกมาได้อีก ในท้องทะเลที่ใสสว่าง เจ้าปลายักษ์ว่ายตรงมาที่หมึกน้อย หมึกน้อยเริ่มลนลาน
“เจ้าหมึกน้อย รีบหลบเร็วเข้า มา อย่างนี้ต้องฉันเอง” เจ้าปลิงทะเลพุ่งเข้ามาผลักหมึกน้อยออกไป พุ่งเข้าหาปลายักษ์ตัวนั้น ขณะที่ปลายักษ์กำลังอ้าปากจะเขมือบเจ้าปลิงทะเล เจ้าปลิงทะเลก็ม้วนตัวกลับ แล้วพ่นลำไส้ออกมาจากตัว แล้วรีบว่ายออกมาจากปากเจ้าปลายักษ์อย่างคล่องแคล่วว่องไว เจ้าปลายักษ์ตาลาย นึกว่าลำใส้นั้นเป็นปลิงทะเลก็รีบกลืนเข้าไป แต่เจ้าปลิงทะเลก็หลบเข้าไปอยู่ในซอกหินได้อย่างปลอดภัย
เมื่อปลายักษ์ว่ายจากไปด้วยความดีใจ เจ้าหมึกน้อยก็สำนึกผิด บอกกับเจ้าปลิงทะเลว่า “ฉันผิดไปแล้ว ไม่นึกเลยว่า แกก็มีวิทยายุทธ์ไว้สู้กับศัตรูเหมือนกัน”
“ลำไส้ฉันที่พ่นออกมา ฉันสามารถสร้างมันขึ้นมาใหม่ด้วยนะ นี่ล่ะเป็นวิทยายุทธ์ของฉัน แต่ก็ไม่ได้ดีเด่นอะไรหรอก ถ้าจะพูดถึงวิทยายุทธ์เฉพาะตัว สัตว์ทุกตัวทุกชนิด เก่งกาจกว่าพวกเราอีกนะ” เจ้าปลิงทะเลพูดอย่างผู้เชี่ยวชาญ
เจ้าหมึกน้อยก็ได้แต่ก้มหน้าก้มตาสำนึกผิด กับสิ่งที่ปลิงทะเลทำ และความผิดที่ตนเองทำ
蔚蓝的大海,风平浪静,正是水下公民们出游的好时光。乌贼妈妈带着小乌贼到姥姥家探亲。这是小乌贼第一次出远门,心里真快乐呀。他随妈妈漂呀,漂。哦,那披着好多块透明骨板,分成几节的,是美丽的小虾鱼;那身体扁平,头部突出的,是小海蛾……小乌贼一边游,一边看,真开心哪。
忽然,一条大鱼张着大口向他们扑来。小乌贼一声惊叫,忙躲到妈妈身下。乌贼妈妈却不慌不忙,将身体一伸一缩,从腹腔里喷出一股墨黑的浓汁来。那大鱼躲闪不及,一头碰在浓汁上,”噗”的一下,那浓汁爆炸开来,形成一片浓黑的烟幕。大鱼被裹在”墨汁”里,就像钻进了黑洞洞的山涧,晕头转向。趁此机会,乌贼妈妈领着小乌贼迅速地溜走了。
“好险哪!”小乌贼喘了口粗气,”妈妈,你这本事从哪儿学来的,真不简单!”
“傻孩子,施放烟幕是我们的本能,我们每个乌贼都有一个墨囊,遇到紧急情况,就放出烟幕,掩护我们逃走。不信,你试试。”妈妈鼓励小乌贼,”对,吸气,伸直身体,把身子缩起来。好,吐!”小乌贼在妈妈的指导下,果然喷出一股浓浓的”墨汁”。小乌贼高兴了,心想,这下可不伯大鱼来吃我了。
小乌贼从姥姥家回来,总念念不忘自己的本事,偷偷试了几次,真灵验,真好玩。他不止一次地向小海蛾、小虾鱼、小海参炫耀。
“看我,会施放烟幕,你们能吗?”小乌贼又一次得意地说。
“小乌贼,这点本事不该总拿来炫耀,应该学点新东西才好。”小海参劝告说。
“用你来教训我?讨厌!”小乌贼发怒了,冲着小海参、小虾鱼、小海蛾喷出一股股浓黑的”墨汁”来,弄得小海参他们东躲西藏。小乌贼想彻底教训一下他们,便大股大股地喷出好多”墨汁”来,搞得附近海水一片漆黑。小乌贼得意极了,哈哈笑着,想溜出这漆黑的水域。可是,浓浓的烟幕施放得太多,他自己也辨不清方向,堕入漆黑的烟幕冲不出去了。真是自食其果。
待黑黑的”墨汁”散去,海水重新清晰的时候,小乌贼已搞得筋疲力尽了。这时,他发现小海参、小虾鱼、小海蛾一副狼狈的样子,又暗暗得意起来。于是高声叫道:”小海参,知道我的厉害了吧!”话音未落,忽然一个大黑影子向他扑来。他心里一惊,忙施展放烟幕的本领,伸腰,缩身,挤墨囊里的”墨汁”。他万万没料到,肚里的”墨汁”用空了,什么也没挤出来。在亮晶晶的海水里,那大鱼正向他逼近。小乌贼慌了。
“小乌贼,快闪开,让我来!”小海参忽地冲过来,椎开小乌贼,向大鱼迎上去。正当大鱼要吞掉小海参的时候,小海参一个急转弯,从肛门里挤出一串肠子来。大鱼一时眼花,误将小海参的肠子吞下去。这时小海参已藏入岩缝,脱离了险境。
当大鱼得意地离去以后,小乌贼羞愧地对小海参说:”我错了,真想不到你也有迎敌的本领。”
“抛给敌人肠子,我还能长出新的来,这是我的本能,没什么夸耀的。要说本领,好多生物,都比我们强哩。”小海参淡淡地说。
小乌贼慢慢地低下头,对照小海参的行动,看看自己的所为,真是惭愧极了。
ผู้เขียน Yi Ming(ไม่ปรากฏนามผู้แต่ง)
แปลและเรียบเรียง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เมชฌ สอดส่องกฤษ

ตึกใหม่ไม่สบาย 生病的楼房

ด๊อกเตอร์ซิงซิง (猩猩xīnɡxinɡ หมายถึงชะนี) ออกแบบตึกหลังหนึ่งสวยงามมาก เขาหัวเราะร่า ดีอกดีใจยืนอยู่หน้าประตูทางเข้าตึก เพื่อต้อนรับผู้พักอาศัยคนใหม่
คุณโฮ่งตัวลาย แสนเสียดายตู้เตียงของบ้านเก่า มองซ้ายทีขวาที แล้วก็บอกว่า “เอาของพวกนี้เก็บไว้ที่ระเบียงห้องก็แล้วกัน” ทำเอาระเบียงหลังห้องมีแต่ของเก่ากองพะเนินรกไปหมด
ส่วนคุณตาหมีก็รู้สึกว่าบ้านใหม่เล็กเกินไป ก็เลยลงมือทุบกำแพงห้องด้วยตัวเอง “ฮ่า ๆ ห้องกว้างขึ้นเยอะเลย”
ส่วนน้องตุ่นก็ชอบอยู่ห้องมืดๆ ขะมักเขม้นขนก้อนหินมาปิดหน้าต่างจนทึบไปหมด “ฮ่าๆ แบบนี้สิถึงจะอยู่สบายหน่อย”
น้องกระต่ายสาวก็เจาะกำแพงตั้งหลายรูเอาไว้แขวนกระจก แขวนเปลนอน “ฮิฮิ เปลไกวไปไกวมา สบายจังเลย”
“โครมๆ ๆ ปั้งๆ ๆ โป๊ก ๆ ๆ” เจ้าของห้องแต่ละคน ต่างพากันตกแต่งห้องของตนกันยกใหญ่ อยู่มาวันหนึ่ง ตึกใหม่นี้ก็โอนเอน โยกเยกไปมา “อูย อูย” เสียงตึกใหม่ร้องโอดโอย
ทุกคนพากันตกใจ รีบวิ่งไปหาคุณหมอ
คุณหมอหัวขวานรีบมาถึงในทันที เอาปากจิกตรงนั้นทีตรงนี้ที ตรวจอาการตึกใหม่อย่างละเอียด “ต้องขอโทษด้วยนะ โรคนี้ ฉันรักษาไม่ได้หรอก” นกหัวขวานกล่าวขอโทษทุกคน
คุณหมอแพนด้าก็มาตรวจ คุณหมอเอาหูฟังตรวจตรงนั้นที ตรงนี้ทีแล้วก็บอกว่า “ต้องขอโทษด้วยนะ หมอรักษาไม่ได้หรอก” คุณหมอแพนด้ากล่าวขอโทษทุกคน
คุณโฮ่งตัวลายก็เลยไปเชิญท่านด๊อกเตอร์ซิงซิงมาตรวจดู
ท่านด๊อกเตอร์ซิงซิงเดินตรวจไปทีละห้องๆ “ผมก็รักษาไม่ได้หรอกครับ” ท่านด๊อกเตอร์ซิง ซิง ขมวดคิ้วแล้วก็พูดว่า “พวกคุณต่างหากที่จะเป็นคุณหมอที่ดีที่สุด”
“พวกเราอย่างงั้นเหรอ” ชาวบ้านมองหน้ากันด้วยความงุนงงสงสัย ว่าจะเป็นไปได้ยังไง
ก็พวกคุณทำเอากำแพงตึกพังยับเยิน บนระเบียงก็กองสิ่งของทับกันจนหนักอึ้ง แล้วยังเจาะฝาห้อง ตอกตะปู จะไม่ให้ตึกป่วยได้ยังไงล่ะ
โอ้….ที่แท้พวกเราไม่ดีเอง ชาวบ้านพากันบ่นพึมพำ
คุณโฮ่งตัวลายก็เริ่มย้ายของออกไปจากระเบียง คุณตาหมีก็ก่อกำแพงขึ้นดังเดิม น้องตุ่นก็ทุบก้อนหินที่ปิดหน้าต่างออก น้องกระต่ายสาวน้อยก็เอาเปลข้างฝาออก แล้วก็อุดรูให้เรียบเหมือนเดิม
ตึกใหม่ยิ้มได้เสียที ในที่สุด อาการป่วยก็หายเป็นปลิดทิ้ง
猩猩博士设计了-幢漂亮的楼房。他乐呵呵地站在大门口,欢迎每一位新住户。
花狗大叔舍不得丢掉那些旧家具,他东看西看,说:”把它们放在阳台上吧。”于是,阳台被塞得满满的。
熊爷爷嫌新房间太小,他动手拆掉了一面墙,”哈哈,这下房间宽敞多了。”
鼹鼠弟弟喜欢住黑暗的房间,他搬来砖头,把窗户砌得严严实实的,”哈哈,这样就舒服多了。”
兔妹妹用钻头在墙上钻了许多孔,她钉钉子挂镜框,安吊床,”哈哈,摇来摇去的吊床真好玩。”
“轰隆隆”、”哐哐哐”、”砰砰砰”,各个房间的主人都在不停地整理房间。
有一天,新楼房突然摇摇晃晃,”哎哟,哎哟”地哼哼起来。
大家吓坏了,急忙去找医生。
啄木鸟大夫来了,他用嘴东啄啄西啄啄,仔细地检查着。”对不起,我治不好它的病。”啄木鸟大夫抱歉地说。
熊猫大夫来了,他用听诊器东听听西听听,”对不起,我也治不好它的病。”熊猫大夫抱歉地说。
花狗大叔请来了设计师猩猩博士。
猩猩博士挨门挨户地察看着,”我也治不好它的病,”他皱着眉头说,”你们才是最好的大夫呀!”
“我们?”大家你看看我,我看看你,弄不清是怎么回事?
“你们弄坏了墙壁,压坏了阳台,还不停地钻孔,钉钉子,楼房能不生病吗?”
“啊,原来是我们不好。”大家说。
花狗大叔搬走了阳台上的东西;熊爷爷砌好了墙壁;鼹鼠弟弟拆掉了窗户上的砖头;兔妹妹摘掉吊床,补好小洞……
新楼房笑了,它的病全好了。
ผู้เขียน Yi Ming(ไม่ปรากฏนามผู้แต่ง)
แปลและเรียบเรียง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เมชฌ สอดส่องกฤษ

หมาตัวลายจูจุ๊บหมีตัวดำ 亲亲黑熊的小花狗

น้องหมีตัวดำไม่ได้เจอกับน้องหมาตัวลายนานแล้ว
วันนี้ ในระหว่างทาง น้องหมีตัวดำก็เจอกับน้องหมาตัวลาย
หลังจากที่ทั้งสองทักทายกันแล้ว ต่างฝ่ายต่างรีบไปธุระของตน แต่ก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น วันนี้น้องหมาตัวลายแสดงความรักใกล้ชิดกับน้องหมีตัวดำเป็นพิเศษ
น้องหมาตัวลายก็มองน้องหมีตัวลายด้วยความดีใจ แล้วก็ยังเรียกน้องหมีตัวดำว่า “โอ้…เนื้อและกระดูกที่รักของข้า”
“นี่มันอะไรกันเหรอ” น้องหมีตัวดำงงไปหมดแล้ว
สักครู่ น้องหมาตัวลายก็พยายามจูจุ๊บน้องหมีตัวดำ
ทำเอาน้องหมีตัวดำงงไปหมดแล้ว วันนี้น้องหมาตัวลายเป็นอะไรไปเหรอเนี่ย
เห็นแก่ความเป็นเพื่อน น้องหมีตัวดำก็เลยยอมให้น้องหมาตัวลายจูจุ๊บไปทีนึง แต่น้องหมาตัวลายกลับจูจุ๊บครั้งเดียวยังไม่พอ ร้องขอจูจุ๊บอีกครั้ง
แต่คราวนี้มันทำเกินไปแล้ว ใช้ลิ้นเลียแผล็บๆ
“โอ้…” น้องหมีตัวดำเข้าใจขึ้นมาทันที ที่แท้เมื่อตะกี้เพิ่งจะดื่มซุปเนื้อไปนี่เอง ดื่มเสร็จยังไม่ทันได้ล้างหน้า ทำให้ยังมีกลิ่นเนื้อติดอยู่ที่หน้านี่เอง
มิน่าล่ะ น้องหมาถึงเรียกน้องหมีว่า “กระดูกและเนื้อที่รัก”
มิน่าล่ะ น้องหมาถึงมาจูจุ๊บ แล้วก็เลียอีกด้วย
เมื่อรู้ดังนั้น น้องหมีตัวดำก็รีบวิ่งไปที่ริมคลอง แล้วก็ล้างหน้าล้างตาให้สะอาด
จากนั้น น้องหมาลายก็ไม่เรียกน้องหมีว่า “เนื้อและกระดูกที่รัก” อีกแล้ว แล้วก็ไม่มาจูจุ๊บน้องหมีอีกแล้ว
น้องหมาลายก็เอาแต่เดินดุ่มๆไปข้างหน้า
แล้วน้องหมีล่ะ เดินไปก็เกาหัวไป “ต่อไปหลังกินข้าว จะต้องล้างหน้าให้สะอาด ไม่งั้น ซุปเนื้อ ซุปปลา ก็จะติดอยู่บนหน้า น้องหมา น้องแมว ไหนจะเจ้าแมลงวันที่น่ารังเกียจก็จะตามมาวนเวียนไม่ห่างเลย”
小黑熊好久没碰到过小花狗了。
今天,在半路上,小黑熊碰到了小花狗。
小黑熊和小花狗打过招呼以后,想赶自己的路了。可是不知怎么的,今天小花狗对他特别亲热。
小花狗很高兴地瞅着他,还几次把小黑熊叫做”我亲爱的肉骨头”。
“这是怎么回事?”小黑熊有点糊涂了。
后来,小花狗提出,他想亲亲小黑熊。
这事真让人纳闷,小花狗今天是怎么了。
看在平时是好朋友的份上,小黑熊让小花狗亲一下。可是小花狗亲一下还不够,他提出再亲一下。
这一下亲得真过分,简直是用舌头舔了。
“天哪!”小黑熊突然明白了,原来自己刚才喝了一碗味道浓浓的肉汤,喝完了也没洗脸,准是脸上留着不少肉汤的味儿。
所以,小花狗把他叫做”我亲爱的肉骨头”了。
所以,小花狗一定要亲亲他,舔舔他了。
小黑熊赶紧跑到小河边上,好好洗了洗脸。
这下,小花狗再也不叫他”我亲爱的肉骨头”,再也不想亲亲他了。
小花狗只管自己赶路去了。
小黑熊呢,一边赶路,一边摸着脑袋说:”我以后吃完饭,一定要好好洗脸。要不,肉汤、鱼汤留在脸上,小狗、小猫,还有苍蝇都会缠住我的……”
ผู้เขียน Yi Ming(ไม่ปรากฏนามผู้แต่ง)
แปลและเรียบเรียง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เมชฌ สอดส่องกฤษ